สสว.เร่งช่วยเหลือ SME 5,000 กว่ารายให้ได้รับการพัฒนายกระดับมาตรฐาน ผ่านโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS หรือมาตรการเอสเอ็มอีคนละครึ่ง คาดเป็นการสร้างโมเดลใหม่ในการพัฒนาธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวภายหลังงานชี้แจงมาตรการการให้ความช่วยเหลือ อุดหนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ผ่านโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS (Business Development Service) ว่า ในปี 2565 สสว.ได้ดำเนินมาตรการเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการเพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ ที่เป็นมาตรการหลักที่สำคัญของ สสว. และได้รับการตอบรับที่ดี เช่น มาตรการสนับสนุนให้ SME เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ หรือ Thai SME GP และโครงการนำร่อง One ID ด้วยการพัฒนาระบบ Single Sign On เพื่ออำนวยความสะดวกให้ SME ให้สามารถเข้าถึงการส่งเสริมสนับสนุนของหน่วยงานภาครัฐได้สะดวก รวดเร็ว และทั่วถึง โดยพร้อมที่จะเปิดตัวมาตรการใหม่เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการให้เข้าถึงการพัฒนาธุรกิจในรูปแบบใหม่ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
“สสว.ได้ออกมาตรการช่วยเหลือ อุดหนุน วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ผ่านโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS หรือเรียกง่ายๆ ว่าโครงการเอสเอ็มอีคนละครึ่ง เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการให้ได้รับโอกาสในการเข้าถึงการบริการสนับสนุนด้านการพัฒนาธุรกิจในรูปแบบใหม่ ที่เอสเอ็มอีจะสามารถเลือกรับการบริการ หรือรับการพัฒนากับผู้ให้บริการทางธุรกิจ (Business Development Service Provider : BDSP) ในด้านที่ตรงกับความต้องการของธุรกิจของตนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดย สสว.จะอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการพัฒนาให้แก่เอสเอ็มอีแบบร่วมจ่าย (co-payment) ในสัดส่วนร้อยละ 50-80 ตามขนาดของธุรกิจ โดยเราเตรียมงบประมาณเพื่อช่วยอุดหนุนผู้ประกอบการในปีนี้กว่า 400 ล้านบาท โดยอุดหนุนสูงสุดรายละ 200,000 บาท ซึ่งบางท่านเห็นรูปแบบโครงการก็เรียกว่า SME คนละครึ่ง หรือ SME ได้เกินครึ่งก็ว่าได้” ผอ.สสว.กล่าว
ผอ.สสว.เผยอีกว่า ภายในเดือนมกราคมนี้ สสว.จะเปิดระบบ BDS อย่างเป็นทางการเพื่อให้ผู้ให้บริการทางธุรกิจ หรือ BDSP ขึ้นทะเบียนและนำเสนอบริการลงบนระบบ BDS และในส่วนการขึ้นทะเบียนเพื่อขอรับการช่วยเหลือ อุดหนุนของผู้ประกอบการ จะเปิดให้ผู้ประกอบการขึ้นทะเบียนในเดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยคาดว่าจะเป็นวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 ส่วนบริการที่อยู่ในเกณฑ์ที่ สสว.จะช่วยเหลือ อุดหนุนให้แก่ SME ที่ยื่นข้อเสนอผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ BDS จะมีอยู่ 6 หมวดด้วยกัน คือ 1. การเพิ่มผลิตภาพและประสิทธิภาพธุรกิจ 2. การพัฒนาและบริหารจัดการธุรกิจ 3. การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานสินค้าและบริการ 4. การพัฒนาช่องทางการจำหน่ายและการตลาด 5. การพัฒนาตลาดต่างประเทศ และ 6. การพัฒนานวัตกรรมอื่นใดที่เป็นประโยชน์และจำเป็นต่อการพัฒนาและยกระดับทางธุรกิจ ตามที่คณะกรรมการบริหาร สสว.กำหนด โดยในเฟสแรกนี้จะเน้นการสนับสนุนในหมวดการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานสินค้าและบริการ
โดยกลุ่มเป้าหมายเอสเอ็มอีที่ สสว.จะช่วยเหลือ อุดหนุน ได้แก่ ผู้ประกอบการที่เป็นนิติบุคคล หรือผู้ประกอบการที่เป็นบุคคลธรรมดาที่จดทะเบียนกับหน่วยงานภาครัฐ เน้นกลุ่มท่องเที่ยว อาหาร เครื่องดื่ม ยา สมุนไพร New S-Curve BCG (Bio Circular Economy หรือเศรษฐกิจชีวภาพ) และเกษตรแปรรูป ส่วนผู้ให้บริการทางธุรกิจที่จะเข้าร่วมมาตรการดังกล่าว สสว. กำหนดให้เป็นส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือองค์การเอกชน หรือผู้ให้บริการทางธุรกิจที่เป็นภาคเอกชนที่มีส่วนราชการ รับรองหรือแต่งตั้งอย่างเป็นทางการเพื่อให้ทำหน้าที่เป็นหน่วยให้บริการทางธุรกิจ
“หลังจากวันนี้ สสว.เองก็เตรียมลงพื้นที่ในแต่ละภูมิภาคเพื่อเผยแพร่มาตรการและชี้แจงให้หน่วยงานภาครัฐ และเอสเอ็มอีในแต่ละภูมิภาคได้รับทราบและเข้าร่วมโครงการฯ นอกจากนี้ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้แทนจากหน่วยงานพันธมิตรจะให้การสนับสนุนและเผยแพร่ให้ผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกขององค์กรได้รับทราบและเข้าร่วมโครงการฯ” ผอ.สสว.กล่าว
นายวีระพงศ์เผยอีกว่า เมื่อสิ้นสุดมาตรการในปีนี้ สสว.จะประเมินว่าสามารถสร้างกลไกสนับสนุนให้ผู้ให้บริการทางธุรกิจทั้งภาครัฐ หรือภาคเอกชน มีบทบาทในการส่งเสริมเอสเอ็มอีได้มากขึ้น สามารถสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการพัฒนาเอสเอ็มอีที่เข้มแข็ง เกิดแพลตฟอร์มการให้บริการในรูปแบบใหม่บนระบบ BDS นี้ ที่จะสามารถทำให้ผู้ประกอบการที่ได้รับการพัฒนาจากผู้บริการทางธุรกิจสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการ เพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างโอกาสทางการค้าการลงทุน และมีความพร้อมในด้านมาตรฐานได้มากขึ้น