กระแสการใส่ใจสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันได้รับความสนใจมากขึ้น สะท้อนจากการรณรงค์ลดใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติก หันมาใช้ผลิตภัณฑ์ทดแทน หรือผลิตจากวัสดุที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติมากขึ้น นอกจากจะเป็นการช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นแล้ว ยังช่วยเพิ่มมูลค่าและสร้างรายได้สู่ชุมชน เหมือนกับ บริษัท นารา วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด ที่เล็งเห็นถึงคุณค่าวัตถุดิบจากธรรมชาติ “ต้นกระจูด” นำมาแปรรูปสร้างประโยชน์ ผ่านกระบวนการพัฒนาและต่อยอดกลายเป็น “หลอดกระจูด” สามารถทดแทนการใช้หลอดพลาสติก ช่วยลดขยะและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
นางสาวนุรไอนี แลนิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นารา วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด ผู้พัฒนา ผลิตและจัดจำหน่ายหลอดกระจูด หลอดดูดจากพืชธรรมชาติ จังหวัดนราธิวาส เล่าถึงความเป็นมาของธุรกิจว่า แรงบันดาลใจเกิดจากความต้องการเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม จากการสังเกตตามพื้นที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะบริเวณชาดหาด มักจะมีหลอดพลาสติกใช้แล้วตกหล่นเป็นจำนวนมาก ประกอบกับต้นกระจูดมักจะก่อให้เกิดปัญหาไฟป่าอยู่บ่อยครั้ง จึงมองเห็นถึงโอกาสและช่องทางที่จะนำมาต่อยอดธุรกิจ ด้วยการนำต้นกระจูดมาแปรรูปให้เกิดประโยชน์ พัฒนากลายเป็น “หลอดดูด”
ต้นกระจูดจังหวัดนราธิวาส ที่นำมาผลิตเป็นหลอดกระจูดนั้น มาจากธรรมชาติบริสุทธิ์ปราศจากสารเคมี ถือเป็นผลิตภัณฑ์ได้รับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม และฮาลาล จากสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ที่สำคัญใช้นวัตกรรมการผลิต ผสมผสานเทคโนโลยีวิศวกรรมอาหาร วิศวกรรมเคมี วิศวกรรมไฟฟ้าเครื่องกล และเทคโนโลยี สารสนเทศ มาประยุกต์ใช้กับวัตถุดิบจากการเกษตร พร้อมทำงานวิจัยร่วมกับสถาบันการศึกษาต่างๆ เช่น กระบวนการผลิตหลอดดูดจากต้นกระจูด, การยับยั้งการเกิดเชื้อแบคทีเรียในหลอดดูดจากพืชธรรมชาติ หรือการออกแบบบรรจุภัณฑ์อย่างมีสุขอนามัย เป็นต้น
สำหรับสินค้าหลอดดูดจากต้นกระจูดผลิตขึ้นเป็นหลอดดูดประเภทใช้แล้วทิ้ง สามารถใช้บริโภคเครื่องดื่มทั้งร้อน-เย็น ได้นานถึง 3 วัน บรรจุในกล่องกระดาษคราฟท์เกรดบรรจุภัณฑ์อาหาร จัดเก็บในสภาพที่แห้งได้นานถึง 12 เดือน ผลิตภายใต้กระบวนการที่ได้ผ่านการวิจัยด้านวิศวกรรมอาหาร จึงเป็นหลอดที่ถูกสุขอนามัย ปลอดภัยต่อผู้บริโภค ที่สำคัญ ยังช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ลดการใช้หลอดพลาสติก ลดปัญหาไฟไหม้ตามป่าพรุ ลดปัญหามลพิษทางอากาศ PM2.5 และสร้างรายได้เสริมให้เกษตรกรอีกด้วย
ทั้งนี้ สินค้าหลอดธรรมชาติจากต้นกระจูด มี 2 ขนาด ได้แก่ ขนาด 14 cm กล่องละ 80 บาท มีจำนวนหลอด 50 หลอดต่อกล่อง และขนาด 20 cm กล่องละ 150 บาท มีจำนวนหลอด 100 หลอดต่อกล่อง แม้โดยเฉลี่ยราคาจะสูงกว่าหลอดพลาสติก แต่ผู้บริโภค ยอมรับได้ เนื่องจากเล็งเห็นถึงคุณประโยชน์ที่จะย้อนกลับคืนสู่สิ่งแวดล้อมในระยะยาว ซึ่งมีมูลค่าเหนือกว่ามหาศาล
“จุดเด่นของสินค้า คือ ต้นกระจูดวัตถุดิบจากธรรมชาติ 100% สามารถใช้ได้ทั้งเครื่องดื่มทั้งร้อน ทั้งเย็นทุกประเภท จากหลอดที่อยู่ในสภาพแห้ง จะนุ่มนวลชุ่มชื้นขึ้นเมื่อดูดของเหลว ในเวลาไม่นาน ให้ความรู้สึกน่าสัมผัสเป็นมิตรกับริมฝีปากของผู้บริโภค และเมื่อทิ้งลงดินเพื่อให้ย่อยสลายเป็นปุ๋ยได้ภายใน 6 เดือน ถือเป็นหลอดแห่งความสุข ที่สร้างสันติสุขในชุมชน ถูกสุขอนามัย ปลอดภัยต่อทั้งมนุษย์ สัตว์ และสิ่งแวดล้อม”
ภาพรวมผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีหลอดดูดจากพืชธรรมชาติ 4 กลุ่ม ประกอบด้วย หลอดซังข้าว หลอดกระจูด หลอดจบ-คนกาแฟร้อน และหลอด Functional Drinking Straws ที่พัฒนาให้เป็นหลอดที่คงคุณค่าทางอาหาร หรือทำให้เป็นหลอดที่มีกลิ่นหรือรสชาติที่ผู้บริโภคต้องการ เพื่อส่งเสริมการดื่มน้ำเปล่า โดยบริษัทตั้งเป้าหมายสินค้าให้สามารถใช้ทดแทนหลอดพลาสติกให้ได้ 10 ล้านหลอดต่อปี และกระจายรายได้สู่ชุมชนจากการเป็นผู้จัดหาวัตถุดิบสู่โรงงานผลิตได้ถึง 1 ล้านบาทต่อปี
ทั้งนี้บริษัทยังช่วยกระจายรายได้สู่ชุมชนและเกษตรกร โดยนำความรู้ที่มีถ่ายทอดสู่ประชาสังคม อบรม สอนงาน จากการใช้สิ่งเหลือใช้มาผลิตให้เกิดประโยชน์กับสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการส่งเสริมการปลูกพืชผัก สวนครัวในโรงงานเพื่อลดรายจ่ายของครัวเรือน พร้อมแบ่งปันรายได้สู่ชุมชน โดยปัจจุบันมีชุมชนรวมกลุ่มเป็นผู้ส่งวัตถุดิบหลอดดูดแบบสด มายังโรงงานผลิตถึง 6 หมู่บ้าน ครอบคลุม 24 ครัวเรือนในเขตอำเภอเมืองนราธิวาส ช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจรากหญ้าให้มีความมั่นคง
สำหรับสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อธุรกิจได้รับผลกระทบไปเต็ม ๆ เนื่องจากสถานการณ์ท่องเที่ยวภายประเทศที่หยุดชะงัก กระทบต่อคำสั่งซื้อของโรงแรมไปด้วย แม้มองช่องทางการส่งออกไปยังต่างประเทศ ก็ติดปัญหาเรื่องต้นทุนค่าธรรมเนียมที่สูง ทำให้บริษัทต้องปรับเปลี่ยนแผนการตลาดใหม่ เลือกบริหารจัดการตลาดภายในประเทศ เน้นกลุ่มลูกค้ารายย่อยเพิ่มขึ้น
นอกจากนั้นยังมีธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank สถาบันการเงินของรัฐ เข้ามาช่วยบริษัท ด้วยการสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ ทำให้บริษัทสามารถต่อยอดสินค้าสู่มาตรฐานระดับสากล ด้วยเงินทุนหมุนเวียนและสภาพคล่องที่เพียงพอ นำมาผลิตสินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้ง ยังดูแลตลอดเส้นทางการดำเนินธุรกิจ ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 แนะนำให้เข้าสู่มาตรการพักชำระหนี้เงินต้น ทำให้บริษัทบริหารจัดการธุรกิจได้ดีขึ้น
แผนธุรกิจในอนาคต คือการทำตลาดใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เช่น เจรจากับคู่ค้าจากประเทศนิวซีแลนด์ไว้เบื้องต้นแล้ว รวมทั้งเจาะกลุ่มลูกค้าจากฝั่งยุโรปและสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น และกำลังขยายตลาดในเอเชียมากขึ้นด้วย โดยทุกอย่าง เตรียมพร้อมไว้แล้ว เมื่อสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ธุรกิจสามารถจะเดินหน้าได้ทันที
สนใจติดต่อ
บริษัท นารา วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด 9 ถนนโสภาพิสัย ตำบลบางนาค อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส 96000
โทร 096-169-6536
เฟซบุ๊ก : หลอด รักษ์โลก
ไลน์ : narase4life
* * *คลิก Likeเพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ"รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด * * *