xs
xsm
sm
md
lg

สกสว.เสนอความก้าวหน้าการส่งเสริม ววน. ปี 2563 หนุนไทยขึ้นอันดับ 36 ดัชนีชี้วัดผู้นำนวัตกรรมโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ศ.นพ.สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ
สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) จัดประชุมสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2564 ณ ตึกบัญชาการ ทําเนียบรัฐบาล โดยมีนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พร้อมด้วย ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ทำหน้าที่รองประธานที่ประชุม 

การประชุมครั้งนี้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ได้ร่วมนำเสนอถึงความคืบหน้าการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ปี 2563 ล่าสุดการจัดอันดับความสามารถด้านนวัตกรรมโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กในชื่อ “ดัชนีผู้นำด้านนวัตกรรม” (Bloomberg Innovation Index) ในปีนี้ไทยถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 36 ขยับขึ้นมาจากปีที่แล้วที่อยู่ในอันดับที่ 40 ส่วนผู้นำด้านนวัตกรรมของโลกในปีนี้ คือประเทศเกาหลีใต้


สำหรับความก้าวหน้าการส่งเสริมด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมในปี 2563 กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (กองทุนส่งเสริม ววน.) โดยที่ผ่านมา สกสว.ได้จัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานในระบบ ววน.นําไปใช้ในการขับเคลื่อนการพัฒนาและแก้ไขปัญหาของประเทศ บนฐานของความรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม โดยกองทุนได้รับจัดสรรงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 และมีผลสําเร็จ ที่ผ่านมางบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมได้นําไปใช้ตอบโจทย์ของการพัฒนากําลังคน เศรษฐกิจ สังคม สาธารณสุข ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อย่างตรงตามเป้าหมาย 

โดยเฉพาะในภาวะที่ประเทศเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 เช่น ได้มีการสร้างสรรค์ผลงานการพัฒนาหุ่นยนต์ระบบอัตโนมัติและปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตและตรวจสอบคุณภาพหน้ากากอนามัย การผลิตชุดตรวจเชื้อโควิด-19 โดยวิธี Real-Time RT-PCR จากน้ำลายซึ่งลดขั้นตอนการตรวจและทําให้ตรวจได้ในจํานวนที่มากขึ้น การวิจัยเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือต่อการระบาดของโรคโควิด-19 ในด้านวัสดุและเครื่องมือทางการแพทย์ เช่น อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment : PPE) เครื่องช่วยหายใจ โรงพยาบาลสนาม ห้องตรวจแยกแรงดันลบ ฯลฯ การพัฒนาศูนย์วิจัยไพรเมทแห่งชาติ จนได้รับการรับรองมาตรฐานสากลด้านการดูแล การเลี้ยง และใช้สัตว์ทดลอง ทําให้ประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานสําหรับการวิจัยและทดสอบยา และวัคซีนอย่างครบถ้วนและเป็นที่น่าเชื่อถือ


ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 และปีงบประมาณ 2564 กองทุนส่งเสริม ววน.กําหนดแผนงานและ เป้าหมายซึ่งผ่านการพิจารณาของสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ มุ่งเน้นการสร้างงานวิจัยและนวัตกรรมที่สามารถใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ได้จริง และเพิ่มขีดความสามารถของภาคการผลิตและบริการบนรากฐานของการพึ่งพาตนเองแบบยั่งยืน สามารถใช้แก้ไขปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาสังคมอย่างมีนัยสําคัญและสร้างขีดความสามารถทางเทคโนโลยีรองรับการดํารงชีวิตในวิถีใหม่ (New Normal) ทั้งนี้ การดําเนินงานจะให้ความสําคัญต่อการบรรลุผลลัพธ์ที่มีคุณค่าตามเป้าหมาย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศและประชาชน และเน้นแนวการพัฒนาที่มี “คน” เป็นศูนย์กลาง เพราะคนเป็นหัวใจสําคัญของทุกเรื่อง

สำหรับกรอบวงเงินงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ประจําปีงบประมาณ 2563 และ 2564 ได้รับการพิจารณาให้สอดรับกับแผนด้านวิทยาศาสตร์ฯ จะมีบทบาทสําคัญอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมของประเทศให้บรรลุตามเป้าหมายในการแก้ไขปัญหา และขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศในเรื่องที่มีความสําคัญ ประกอบด้วย (1) การแก้ปัญหาโควิด-19 (2) การเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน (3) การแก้ปัญหาทางสังคมและสิ่งแวดล้อม (4) การสร้างเศรษฐกิจฐานราก






ทางด้าน ศ.นพ.สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ ประธานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กสว.) กล่าวว่า ปัจจุบันการดำเนินงานของกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมนั้นไม่ได้หยุดอยู่ที่งานวิจัย แต่ยังมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ อย่างเช่นในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 กองทุนส่งเสริม ววน.ได้ร่วมทำงานกับกระทรวงสาธารณสุขในส่วนการวิจัยและพัฒนาวัคซีน เพื่อให้การดำเนินงานภาพรวมของประเทศเป็นไปอย่างมีเอกภาพ 

ทางกระทรวง อว.จึงทำหน้าที่เป็นเบื้องหลังในการให้การสนับสนุน โดยเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าในอนาคตนักวิจัยไทยจะสามารถผลิตวัคซีนได้เองในประเทศ นอกจากนี้ยังมีการดำเนินงานในลักษณะที่กลับคืนสู่สังคมผ่านการอบรมฝึกทักษะ การจ้างงาน ตัวอย่างเช่น โครงการ U2T มหาวิทยาลัยสู่ตำบล ส่วนการเสนองบประมาณกองทุนส่งเสริม ววน.ในปี 2564 ถึงแม้จะมีตัวเลขเพิ่มขึ้น แต่จำนวนที่เพิ่มขึ้นนั้นเป็นงบประมาณเพื่อการลงทุนไม่ใช่รูปแบบงบประมาณรายจ่าย ซึ่งเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าการที่ภาครัฐลงทุนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จะเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพ : สำนักข่าว Bloomberg


* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *

SMEs manager





กำลังโหลดความคิดเห็น