มาสเตอร์การ์ดเปิดตัวเว็บไซต์สำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเนื้อหาในเว็บไซต์ประกอบด้วยข้อมูลและเครื่องมือต่างๆ ที่ช่วยให้ธุรกิจก้าวสู่ยุคดิจิทัลและดำเนินกิจการอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อีกทั้งช่วยให้เอสเอ็มอีฟื้นตัวจากวิกฤตจากโรคระบาดและเตรียมตัวเพื่ออนาคต
ขณะที่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ผลักดันให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซเติบโตขึ้นและรับการชำระเงินแบบไร้สัมผัสเพิ่มมากขึ้น มาสเตอร์การ์ดจึงสนับสนุนเอสเอ็มอีโดยจัดทำเว็บที่เปรียบเสมือนศูนย์รวมข้อมูลเพื่อธุรกิจ ประกอบด้วย คู่มือการนำธุรกิจเข้าสู่ยุคดิจิทัล คอร์สออนไลน์ ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการของมาสเตอร์การ์ดสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอี ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์เพื่อลดความเสี่ยงต่างๆ และรับส่วนลดจากการซื้อโซลูชันซอฟต์แวร์ทางธุรกิจ รวมถึงแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและการบริการด้านการตลาดดิจิทัล
“กลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีได้รับผลกระทบอย่างมากจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ดังนั้นการได้รับข้อมูลและเรียนรู้ทักษะเพื่อเปิดช่องทางการทำธุรกิจให้หลากหลายยิ่งขึ้นจึงจำเป็นอย่างมากเพื่อให้ธุรกิจเติบโตและสร้างฐานลูกค้าทั้งในแพลตฟอร์มออนไลน์และออฟไลน์” ซานดีฟ มาลโฮทรา รองประธานกรรมการผู้บริหารฝ่ายผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มาสเตอร์การ์ด กล่าว
ซานดีฟ กล่าวเสริมว่า “พฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในปัจจุบันพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเราจึงหวังว่าศูนย์ข้อมูลดิจิทัลของมาสเตอร์การ์ดจะช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ใช้เข้าถึงบริการทางการเงินได้สะดวกยิ่งขึ้น และช่วยให้กลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีเริ่มใช้เครื่องมือดิจิทัลในการดำเนินธุรกิจเพื่อลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารเงินสด โดยปลอดภัยจากความเสี่ยงทางไซเบอร์และการหลอกลวงต่างๆ”
เว็บข้อมูลดิจิทัลสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีพร้อมให้บริการผ่านเว็บไซต์ภาษาอังกฤษของมาสเตอร์การ์ดในประเทศไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ฮ่องกง อินเดีย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมาสเตอร์การ์ดมีแผนเปิดให้บริการเว็บไซต์ในภาษาอื่นๆ ในอนาคต
นอกจากนี้ มาสเตอร์การ์ดได้ร่วมมือกับ Wix แพลตฟอร์มให้บริการสร้างเว็บไซต์ และโซโห (Zoho) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการระบบคลาวด์ (Cloud) ที่มีผู้ใช้กว่า 60 ล้านบัญชี เพื่อให้ผู้ประกอบการก้าวเข้าสู่ธุรกิจดิจิทัลได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยพันธมิตรทั้งสามต่างจัดหาข้อมูลแนะแนวและบทความในหัวเรื่องต่างๆ ตั้งแต่การเปิดร้านค้าออนไลน์และการตั้งชื่อเว็บไซต์ของร้าน ไปจนถึงหัวเรื่องเกี่ยวกับการสมัครใช้แพลตฟอร์มการจัดการรายจ่ายและบัญชี
“เนื่องจากการทำธุรกิจปัจจุบันไม่ได้อยู่แค่การวางแผนเพื่อเอาตัวรอดระยะสั้น เอสเอ็มอีจึงจำเป็นต้องวางแผนสำหรับความสำเร็จระยะยาวในโลกอีคอมเมิร์ซ ที่ Wix เราพบว่าปีที่แล้วธุรกิจเผชิญกับความท้าทายในหลายรูปแบบ และยังได้เห็นว่าธุรกิจเหล่านั้นพยายามหาวิธีปรับตัว ใช้ไหวพริบและสร้างความยืดหยุ่นให้แก่ตัวเอง” เลียต คาร์เพล เกอร์วิตซ์ ประธานฝ่ายการตลาดอีคอมเมิร์ซของ Wix.com กล่าว “เราพร้อมนำประสบการณ์ที่เราได้เรียนรู้ รวมถึงประสบการณ์ของผู้ค้าที่มาใช้แพลตฟอร์มของเรามาช่วยเอสเอ็มอีวางแผนและกำหนดกลยุทธ์การทำธุรกิจในปี 2564”
“ในขณะที่ภาคธุรกิจกำลังปรับรูปแบบการทำธุรกิจของตนเอง การได้เข้ามาอยู่ในแพลตฟอร์มที่มีข้อมูลมากมายจะช่วยให้พวกเขามีไอเดียใหม่ๆ ในการทำธุรกิจ เรายินดีอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการของมาสเตอร์การ์ด ซึ่งเป็นบริษัทที่มุ่งสร้างศักยภาพให้กับภาคธุรกิจและนำเสนอโซลูชันชั้นยอดเพื่อช่วยให้ธุรกิจก้าวสู่ยุคดิจิทัล” กิบู แมทธิว รองประธานและผู้จัดการทั่วไปของบริษัทโซโห ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าว “โครงการนี้จะช่วยเสริมสร้างและให้ความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับดิจิทัล เพื่อให้ผู้ประกอบการและผู้บริหารชั้นสูงสามารถตัดสินใจเลือกใช้เครื่องมือที่ช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจของพวกเขาก้าวหน้าได้ดีที่สุด”
ศูนย์ข้อมูลดิจิทัลสำหรับภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกเป็นเป้าหมายหนึ่งของมาสเตอร์การ์ดที่มุ่งช่วยเหลือเอสเอ็มอีตามแนวทาง “Get Paid, Get Capital and Get Digital” ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ การร่วมมือกับพันธมิตรและช่องทางการจัดจำหน่าย โดยโครงการนี้ครอบคลุมทวีปอเมริกาเหนือ ภาคพื้นแคริบเบียน ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์
หลังจากช่วยให้ผู้คนกว่า 500 ล้านคนได้เข้าถึงระบบการเงินได้ตามเป้าหมาย มาสเตอร์การ์ดได้ตอกย้ำปณิธานที่มุ่งมั่นให้คนกว่าหนึ่งพันล้านคนเข้าถึงระบบเศรษฐกิจดิจิทัลภายในปี พ.ศ. 2568 รวมถึงธุรกิจขนาดย่อม 50 ล้านราย และผู้ประกอบการหญิง 25 ล้านคน
ทั้งนี้ การเข้าถึงเศรษฐกิจดิจิทัลช่วยสร้างโอกาสมากมาย ข้อมูลจาก International Data Corporation เผยว่า การเข้าสู่ระบบออนไลน์ของภาคธุรกิจจะช่วยเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกว่า 2.6 ถึง 3.1 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐ ภายในปี พ.ศ. 2567 โดยผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ธุรกิจเอสเอ็มอีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกราว 70% ก้าวมาใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซมากขึ้น และผลสำรวจความคิดเห็นเอสเอ็มอี 86% มองว่าเครื่องมือทางดิจิทัลจะช่วยให้การดำเนินธุรกิจยืดหยุ่นขึ้นและพร้อมรับมือสถานการณ์ไม่คาดคิดต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
มาสเตอร์การ์ดเผยว่า การชำระเงินแบบไร้สัมผัสของผู้ใช้งานช่วงไตรมาสที่สามของปี พ.ศ. 2563 มีมากถึง 41% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่สองของปีก่อนหน้านั้นที่มีเพียง 30% ตัวเลขดังกล่าวจึงสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดดสู่กระบวนคิดเชิงดิจิทัลในผู้บริโภค
ปัจจุบันจำนวนผู้ถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มได้ลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ข้อมูลศึกษาจากมาสเตอร์การ์ดพบว่า 70% ของผู้บริโภคทั่วโลกสนใจที่จะจับจ่ายผ่านช่องทางซื้อขายออนไลน์มากขึ้น และผู้บริโภคอีก 74% วางแผนที่จะใช้วิธีชำระเงินแบบไร้สัมผัสต่อไปแม้การระบาดของไวรัสจะบรรเทาลง โดยจากผลสำรวจพบว่าวิธีการชำระเงินดังกล่าวยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในออสเตรเลีย ผู้บริโภค 71% ยินดีใช้จ่ายผ่านออนไลน์ รวมถึง 77% ของผู้บริโภคในอินเดีย 73% ในจีน และ 62% ในญี่ปุ่น