เพราะการนอนเป็น 1 ใน 3 ของช่วงชีวิต Amaxing แบรนด์หมอนและที่นอนยางพาราที่สร้างแบรนด์ขึ้นมาเพื่อรองรับปัญหาการนอนที่ผิดวิธีโดยการคัสตอมหมอนและที่นอนให้เหมาะดับสรีระแต่ละบุคคล เพราะการนอนที่ผิดวิธีอาจจะทำให้เกิดปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพมากมาย ดังนั้น Amaximg จึงมองเห็นปัญหาเหล่านี้ จึงเกิดแบรนด์ดังกล่าวขึ้นมาโดยมีนักกายภาพเป็นผู้ให้คำปรึกษาด้านการนอนและเลือกอุปกรณ์การนอนให้แก่บุคคลลที่มีปัญหาของสุขภาพการนอนได้เป็นอย่างดี
นายสิริวรรธน์ วงศ์จาศิริวัฒน์ เจ้าของธุรกิจหมอนและที่นอนยางพารา แบรนด์ Amaxing เล่าว่า จุดเริ่มต้นการทำแบรนด์นั้นเริ่มจากเดิมทีเป็นโรงงานผลิตหมอนและที่นอน OEM ให้กับลูกค้าและส่งออกเป็นหลัก บวกกับพี่ชายมีปัญหาการปวดหลัง และที่นอนหรือท็อปเปอร์ที่มีอยู่ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทั้งหมด แม้ว่าจะได้มีการรักษาอาการดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องด้วยอีกเช่นกันก็ตาม ทำให้เกิดแนวความคิดร่วมกับนักกายภาพว่าจะทำที่นอนที่ตอบโจทย์และแก้ปัญหาการนอนให้ถูกต้อง ถูกวิธี โดยการออกแบบหมอนและที่นอนให้เหมาะกับสรีระของแต่ละบุคคล ปัจจุบันโรงงานเปิดมาได้ประมาณ 30 ปี ส่วน Amaxing เริ่มต้นเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เมื่อเริ่มต้นสร้างแบรนด์มาก็เจอกับสถานการณ์โควิด-19 คนส่วนใหญ่ต้องกักตัวที่บ้าน พักผ่อนเพิ่มมากขึ้น ทำให้บางคนมีเวลาพักเยอะ ปัญหาการนอนที่ผิดวิธีอาจจะทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา ซึ่งก็ทำให้กลุ่มคนเหล่านั้นเริ่มหาที่นอนที่สามารถรองรับและแก้ปัญหาการนอนได้ ซึ่ง Amaxing เป็นที่เดียวในประเทศไทยที่มีการคิดแก้ไขปัญหาการนอนด้วยการคัสตอมหมอนและที่นอนยางพารา โดยการปรึกษากับนักกายภาพบำบัดก่อนตัดสินใจซื้อสินค้ากับทางแบรนด์
จุดเด่นของหมอนยางพาราจะมีทั้งหมด 12 แบบซึ่งทั้ง 12 แบบจะมีลักษณะและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ซึ่งแต่ละแบบจะถูกออกแบบมาให้เหมาะกับสรีระและพฤติกรรมการนอนของแต่ละบุคคลเช่นเดียวกัน ทั้งนี้เวลาที่ลูกค้าเข้าไปปรึกษาหรือสนใจสินค้าของทางแบรนด์ จะไม่เจอพนักงานขายแต่จะเจอนักกายภาพแทน เมื่อเข้ามาแล้วนักกายภาพจะสอบถามปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวกับการนอน หลังจากนั้นจะเป็นการทดลองให้นอนจริงบนที่นอนที่ถูกจัดเตรียมไว้ ก่อนหน้านั้นจะมีการตรวจวัดสรีระร่างกาย และสอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมการนอน โรคประจำตัว ท่านอน หลังจากนั้นจะมีการแปะจุดมาร์คตามแนวกระดูกสันหลังจนถึงต้นคอและทำการวัดด้วยการใช้แสงเลเซอร์และถ่ายรูปเก็บไว้ หลังจากนั้นลูกค้าจะปรับหมอนหรือท่านอนตามที่ทางนักกายภาพแนะนำ และทำการเปรียบเทียบเพื่อหาความลงตัวและการนอนที่ถูกวิธี
หมอนยางพาราในท้องตลาดส่วนมากจะกันไรฝุ่น แต่ปลอกหมอนไม่กันไรฝุ่น แต่ Amaxing แก้ปัญหาด้วยการใช้ทั้งหมอน ที่นอน และปลอกหมอนที่กันทั้งฝุ่นและน้ำ นอกจากนี้อาการและปัญหาต่างๆ ของลูกค้าที่เข้ามาปรึกษาจะมีอาการปวดคอ ปวดหลัง แนวกระดูกสันหลังคด การนอนที่ผิดรูป ทำให้การนอนไม่มีประสิทธิภาพที่ดีเท่าที่ควร เพราะฉะนั้น หมอนและที่นอนของทางแบรนด์จึงตอบโจทย์กลุ่มคนที่มีปัญหาการนอนเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี ปัจจุบันมีนักกายภาพทั้งหมด 8 คน และมีทั้งหมด 2 สาขาที่ศรีนครินทร์และราชพฤกษ์
สำหรับการออกแบบหมอนให้เหมาะกับสรีระแต่ละบุคคลนั้น กภ.ปุญญิศา แปลกเมือง นักกายภาพของ Amaxing ให้ข้อมูลว่า สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงคือรูปกระดูกต้นคอที่แตกต่างกัน อีกทั้งน้ำหนักส่วนสูงก็จะมีผลเช่นกัน โดยคนที่มีน้ำหนักน้อยนั้น จะเหมาะกับที่นอนรูปแบบ ซอฟต์ถึงมีเดียม ส่วนคนที่มีน้ำหนักเยอะจะเหมาะกับที่นอนรูปแบบมีเดียมถึงเฟิร์ม ซึ่งนักกายภาพจะดูสรีระเป็นหลักและทำการแนะนำ ปรับหมอนหรือที่นอนให้เหมาะกับร่างกายของแต่ละบุคคล และนอกจากนี้ที่นอนกับหมอนก็จะต้องสัมพันธ์กันอีกด้วย
ทั้งนี้ทาง Amaxing จะไม่รับเคสที่เข้ามาหน้าร้านโดยตรง แต่จะรับแบบจองคิว เพราะว่าแต่ละเคสจะต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหานานพอสมควร ขึ้นอยู่กับอาการว่าจะมากหรือน้อย นอกจากนี้ กลุ่มลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการนั้นมีหลากหลายกลุ่มทุกเพศทุกวัย โดยอายุน้อยสุดคือ 16 ปี ไปจนถึงผู้สูงอายุ และราคาหมอนนั้นมีราคาเริ่มต้นที่ 3,000 บาท ส่วนที่นอนมีราคาที่แตกต่างกันออกไปเพราะมีทั้งหมด 3 ขนาดเริ่มต้นที่ราคา 70,000 – 110,000 บาท แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังมีโปรโมชั่นหรือส่วนลดต่างๆ ให้กับลูกค้าหรือมีการผ่อน 0% อีกด้วย ส่วนการเข้ารับคำแนะนำหรือปรึกษาปัญหาการนอน ทางแบรนด์จะให้บริการในส่วนนี้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
นอกจากนี้กลยุทธ์ในการทำการตลาดนั้น ทางแบรนด์เน้นที่การบอกต่อปากต่อปาก รวมถึงโปรโมทด้วยการเปิดเพจเฟซบุ๊กเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าออนไลน์ ซึ่งส่วนมากกลุ่มลูกค้าที่เป็นวัยรุ่นจะรู้จักแบรนด์ผ่านทางออนไลน์ ส่วนลูกค้าวัยทำงานหรือสูงอายุจะเป็นเป็นการบอกต่อปากต่อปากมากกว่า ทั้งนี้กลุ่มลูกค้าวัยรุ่นที่เข้ามาจะมีปัญหาเรื่องการปวดคอ หรือบ่า การแก้ปัญหาจะเน้นที่หมอนเป็นหลัก ส่วนวัยทำงานหรือผู้สูงอายุและผู้ที่มีน้ำหนักมากที่มีอาการปวดหลัง เอว หรือสะโพก จะเน้นที่การปรับเปลี่ยนที่นอนเป็นหลัก
สำหรับ กภ.มินตรา วรรณศิริลักษณ์ นักกายภาพบำบัด ของ Amaxing เผยว่า เคสที่หนักๆ จะเป็นเคสที่ต้องดามกระดูกต้นคอหลังผ่าตัดและเข้ามาปรึกษาเรื่องการนอน ส่วนเคสที่มีเข้ามาจำนวนมากคือเคสที่กระดูกสันหลังคด ซึ่งเมื่อได้รับการปรึกษาและปรับการนอนอย่างไรแล้วนั้น ผลที่ได้จะดีขึ้น แต่ต้องขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของแต่ละคนด้วย ต้องทำตามคำแนะนำและปรับหมอน ที่นอนให้เข้ากับสรีระ จากผลวิจัยสามารถเห็นผลที่ดีขึ้นในเวลา 1 เดือน กระดูกสันหลังที่คดเหล่านี้จะมีอาการที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ในเรื่องของกระบวนการผลิตนั้น ทางแบรนด์รับซื้อยางพาราของไทยพร้อมให้เหตุผลว่ายางพาราของไทยดีที่สุด น้ำยางเกรดพรีเมี่ยมและเอาผ่านกรรมวิธีต่างๆ และขึ้นรูป ส่วนเรื่องการส่งออกมีส่งไปหลายประเทศ เช่น จีน ญี่ปุ่น เวียดนาม ในโซนเอเชีย และในประเทศก็มีการทำ OEM ให้อีกด้วย แต่จะทำแค่ในส่วนของหมอนและท็อปเปอร์ ส่วนที่นอนจะมีแค่ Amaxing การสั่งทำหมอนรูปแบบพิเศษจะให้ลูกค้าทดลองจนกว่าจะพึงพอใจจากการปรับและทดลองให้เหมาะกับสรีระนั้นๆ ของแต่ละคน ยกตัวอย่างเช่น ลูกค้าที่มีอาการกรดไหลย้อนไม่สามารถนอนในแนวระนาบได้ จะต้องยกหมอนสูงขึ้นมากกว่าปกติ เคสนี้ทางแบรนด์ก็สั่งทำขึ้นมาพิเศษเพื่อรองรับลูกค้าที่มีอาการดังกล่าว
ทั้งนี้ Amaxing นั้นเริ่มจากการเจอปัญหาการนอนโดยตรงจากคนใกล้ตัว เพราะฉะนั้นการนอนจึงเป็นปัจจัยที่สำคัญในการใช้ชีวิต ดังที่ Amaxing ได้กล่าวไว้คือ การนอนเป็น 1 ใน 3 ของช่วงเวลาชีวิต เพราะฉะนั้นจึงออกแบบที่นอนและหมอนด้วยความใส่ใจ นักกายภาพสามารถให้คำปรึกษาและแนะนำการนอนที่ถูกวิธี และบอกต่อความรู้เรื่องการใช้อุปกรณ์ให้เข้ากับสรีระ บวกกับที่นอนและหมอนยางพาราเองก็จะช่วยให้การนอนของทุกคนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม โชว์รูม Amaxing ตั้งอยู่ที่ 335, 2 ถนนศรีนครินทร์ ผู้ที่สนใจจะต้องทำการจองคิวก่อนเข้าไปปรึกษาเรื่องปัญหาการนอนกับทางโชว์รูม เพื่อที่จะได้รับการทดสอบการนอนที่มีประสิทธิภาพและทราบเกี่ยวกับปัญหาที่ตนกำลังเจอว่าควรแก้ไขและปรับอย่างไรบ้าง
ติดต่อเพิ่มเติม
Facebook : Amaxing
Line : @Amaxing
Website : www.amaxing.co.th
Tel : 02-320-7588
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *
