xs
xsm
sm
md
lg

สวพส.แนะเกษตรกรใช้ระบบเกษตรแบบประณีตปลอดภัย ทำน้อยได้มาก

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) เป้าหมายในการพัฒนาชุมชนบนพื้นที่สูง โดยสนับสนุนและรักษาซึ่งพันธกิจของโครงการหลวงในการวิจัยและพัฒนา เผยแพร่และสร้างเครือข่ายองค์ความรู้ของการพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน มุ่งเน้นการพัฒนาอาชีพบนฐานความรู้ที่เหมาะสมต่อสภาพภูมิสังคมและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกษตรกรในชุมชนมีอาชีพและรายได้เพียงพอ โดยยึดความเหมาะสมตามแผนการใช้ที่ดิน และเกษตรกรได้ผลตอบแทนที่ดีจากการใช้พื้นที่อย่างเหมาะสม


นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง หรือ สวพส. เปิดเผยว่า นักวิชาการของ สวพส. ประกอบด้วย นายอิทธิพล โพธิ์ศรี นายพิมุกต์ พันธรักษ์เดชา และนางสาวดวงดาว กันทะรัตน์ ได้ทำการค้นคว้าและเรียบเรียงข้อมูลเกี่ยวกับระบบเกษตรแบบประณีตปลอดภัยของเกษตรกรพื้นที่สูง โดยมีการพัฒนาอาชีพบนฐานความรู้ที่เหมาะสมต่อสภาพภูมิสังคมและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกษตรกรในชุมชนมีอาชีพและรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพ ด้วยองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่เหมาะสม และนำผลการวิจัยและพัฒนาที่สำเร็จไปถ่ายทอดแก่เกษตรกรอย่างเหมาะสมตามแนวทางโครงการหลวงและปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง


ในอดีตที่ผ่านมา ระบบการปลูกพืชของเกษตรกรชุมชนบนพื้นที่สูงมีการแผ้วถางขยายพื้นที่ทำกิน เกิดการชะล้างพังทลายของหน้าดินและใช้สารเคมีในกระบวนการเพาะปลูกมาก แต่ได้รับผลตอบแทนต่ำ กำไรน้อย เกษตรกรส่วนใหญ่ประสบภาวะขาดทุนและมีหนี้สิน จากปัญหาที่กล่าวมาข้างต้น ต้องปรับปรุงและพัฒนากระบวนการทำการเกษตรของเกษตรกร หรือหาพืชทางเลือกใหม่ให้เกษตรกร อาจทำให้เกษตรกรเป็นหนี้สินล้นพ้นตัวและไม่สามารถฟื้นกลับมาได้อีกครั้ง


ปัจจุบันการนำเทคโนโลยีการผลิตพืชผักและองุ่นภายใต้โรงเรือนแบบโครงการหลวงมาถ่ายทอดและส่งเสริมแก่เกษตรกร เป็นต้นแบบการพัฒนาอาชีพแก่ชุมชนบนพื้นที่สูง เป็นเกษตรแบบประณีตที่เกษตรกรสามารถเข้าถึงได้ง่าย อีกทั้งยังช่วยลดการเผา ลดการขยายพื้นที่เพาะปลูก และลดการใช้สารเคมีทางการเกษตรได้จริงและเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน

เกษตรกรภายใต้การส่งเสริมและพัฒนาอาชีพของสถาบันฯ ได้ให้ความสนใจและเล็งเห็นถึงประโยชน์ของเทคโนโลยีการผลิตพืชผักและองุ่นภายใต้โรงเรือนเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากให้ผลตอบแทนต่อพื้นที่สูงกว่าการปลูกนอกโรงเรือน ลดความเหนื่อยยากในการทำงานลง สามารถควบคุมแผนการผลิตและตลาดได้แม่นยำ ผลิตผลมีคุณภาพได้มาตรฐานและมีความปลอดภัยสูง

และเทคโนโลยีการผลิตพืชภายใต้โรงเรือนยังสามารถป้องกันความชื้นจากฝน ลดการใช้พื้นที่และสารเคมีในการเพาะปลูก เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการน้ำและการให้ปุ๋ยอย่างเป็นระบบ อีกทั้งยังมีส่วนช่วยให้เกษตรกรมีองค์ความรู้พื้นฐานที่จำเป็นในการประกอบอาชีพ มีความคุ้นชินในระบบควบคุมตามมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับพืช (GAP) และสามารถพัฒนาเป็นระบบควบคุมอัตโนมัติต่อไปในอนาคตได้


ในระหว่างปี 2557-2563 มีการขยายโรงเรือนปลูกผักและองุ่นเพิ่มมากกว่า 820 โรงเรือน หรือคิดเป็นพื้นที่ประมาณ 200 ไร่ เมื่อพิจารณาผลตอบแทนต่อพื้นที่กับพืชเดิมของเกษตรกร พบว่ารายได้สุทธิของเกษตรกรจากการปลูกพืชผักและองุ่นภายใต้โรงเรือนโดยเปรียบเทียบกับปริมาณการใช้พื้นที่เพาะปลูกนั้นก่อให้เกิดรายได้มากกว่าการปลูกในสภาพกลางแจ้งประมาณ 2-5 เท่า ช่วยลดการใช้สารป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืชในกระบวนการผลิตมากถึง 30-50% และลดการใช้สารป้องกันและกำจัดวัชพืชได้ร้อยละ 80

และในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 เกษตรกรภายใต้การส่งเสริมและพัฒนาอาชีพของสถาบันจำนวนประมาณ 696 ราย ได้นำองค์ความรู้และใช้เทคโนโลยีการผลิตพืชผักและองุ่นภายใต้โรงเรือนแบบโครงการหลวงมาใช้ในการประกอบอาชีพและก่อให้เกิดรายได้แก่เกษตรกรจำนวน 71,162,353 บาท โดยเกษตรกรที่มีความเชี่ยวชาญและถ่ายทอดองค์ความรู้เหล่านั้นสามารถพัฒนาให้เป็นเกษตรกรปราดเปรื่อง (Smart Farmer) ด้านการปลูกพืชผักและการปลูกองุ่นภายใต้โรงเรือนมากกว่า 300 ราย และพัฒนาแหล่งเรียนรู้ที่กระจายอยู่ในพื้นที่โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงพื้นที่เฉพาะ และโครงการรักษ์น้ำเพื่อพระแม่ของแผ่นดินในแต่ละจังหวัด



กำลังโหลดความคิดเห็น