ตำรวจ PCT จับแชร์รายวัน 70 วง เสียหายกว่า 480 ล้าน รวบ!!! มือโพสต์ข่าวปลอมและบิดเบือนข่าวอีก 8 ราย จับเท้าแชร์ลูกโซ่ออนไลน์ “บ้านภคมนมั่งคั่งร่ำรวย” ล่อด้วยผลตอบแทนสูงลิ่ว มีเหยื่อหลงเชื่อกว่า 400 คน สุดท้ายแชร์ล้มเบี้ยวจ่ายเงินลูกแชร์
พลตำรวจตรีพันธนะ นุชนารถ หัวหน้าศูนย์เพื่อประสานความร่วมมือกับศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม หรือ Anti-Fake News Center แถลงผลการจับกุม นางสาวภคมน บวรโชคทวี เท้าแชร์ที่หลอกลวงให้ลงทุนเล่นแชร์ออนไลน์รายวัน ผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ชื่อ บ้านภคมนมั่งคั่งร่ำรวย เริ่มชักชวนเล่นแชร์ตั้งแต่ต้นปี 2562 โดยเสนอให้ผลตอบแทน ร้อยละ 8 ถึงร้อยละ 30 แล้วแต่ระยะเวลากำหนดการเปียแชร์ ถ้าใช้ระยะเวลานานก็จะได้ค่าตอยแทนสูงกว่า โดยการลงทุนไม่มีกำหนดขั้นต่ำ แต่สูงสุดไม่เกิน 1 ล้านบาท ต่อแชร์ 1 วง และหากลูกแชร์ชักชวนคนอื่นมาร่วมเล่นแชร์ด้วย ก็จะมีการจ่ายเงินค่าแนะนำให้คนละ 100 ถึง 200 บาท จนมีลูกแชร์มาลงทุนเล่นรวมแล้วถึง 70 วง ระยะแรกก็จะได้ค่าตอบแทนตามที่ตกลง จากนั้นก็เริ่มจ่ายเงินตอบแทนให้แก่ลูกแชร์ไม่ตรงตามกำหนด และสุดท้ายคือแชร์ล้มไม่จ่ายเงินให้ลูกแชร์ เมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินของนางสาวภคมน พบว่ามีเงินหมุนเวียนกว่า 480 ล้านบาท ซึ่งผู้เสียหายก็ยอมรับว่าเพราะความไว้ใจและความโลภบังตา จึงหลงเชื่อยอมลงทุน
นอกจากนี้ ยังมีการจับกุมผู้โพสต์ข่าวปลอมในโซเชียล จำนวน 8 ราย 1.นายจิรกร 2.นายสมรัก 3.นายสุทธิพงษ์ 4.นายณรงค์ฤทธิ์ 5.นางสาวปรียา 6.นางศิริกาญจน์ 7.นายพากเพียร และ8.นางสาวจันทร์จิรา ที่อาจสร้างความเข้าใจผิดแก่ประชาชนเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ที่สำคัญคือสร้างความเสียหายต่อความมั่นคง และเศรษฐกิจของประเทศ เช่น โพสต์ว่า “พืชกระท่อมช่วยยับยั้งเชื้อโควิด-19”, “คณะสงฆ์เจ้าอาวาสทั่วราชอาณาจักร ขอความร่วมมือให้งดหรือเลื่อนการตาย”, น้ำกระเจี๊ยบแดงเสริมระบบภูมิคุ้มกัน แข็งแรง ต้านโควิด-19, น้ำกระชายต้านโควิดได้”, น้ำมันกัญชาสามารถป้องกันไวรัส COVID19 และรัฐหลอกให้ลงทะเบียนรับเงินเยียวยา เพื่อจะเรียก เก็บภาษี ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นข่าวปลอม โดยเบื้องต้นผู้โพสต์ รับสารภาพว่าเป็นผู้โพสต์ข้อความดังกล่าวจริง แต่ไม่ทราบว่าเป็นข่าวปลอม ตำรวจจึงดำเนินคดีในข้อหาผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
เบื้องต้นผู้ที่โพสต์ ยอมรับว่าเป็นผู้โพสต์ข้อความดังกล่าวจริง และรับทราบเข้าใจถึงข้อกฎหมายที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งให้ทราบแล้ว และทำการลบโพสต์ดังกล่าวด้วยความสมัครใจ พร้อมรับปากว่าจะไม่โพสข้อความที่เป็นข่าวปลอม บิดเบือน ในลักษณะดังกล่าวนี้อีก