หลังจากที่ประเทศไทยต้องเผชิญหน้ากับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทุกภาคส่วนต่างออกมาร่วมมือกันในการรับมือกับวิกฤตครั้งนี้ ที่ผ่านมา ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้มีนโยบายปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี 2563 ในส่วนของกระทรวง อว. จำนวน 3,000 ล้านบาท มาช่วยประเทศในการสู้ภัยโควิด-19
โดยแบ่งเป็น งบประมาณในการวิจัยและพัฒนาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็นจำนวน 1,000 ล้านบาท ซึ่งอาจารย์ทุกมหาวิทยาลัยสามารถมีส่วนร่วมในการดำเนินการ และงบประมาณในการเยียวยาช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจจำนวน 2,000 ล้านบาท ผ่านการให้ทุนสำหรับนักศึกษา หรือดึงคนตกงานกลับมาเรียนต่อในมหาวิทยาลัย รวมไปถึงจ้างงานบัณฑิตจบใหม่ผ่านโครงการยุวชนสร้างชาติ และอบรมเพิ่มหรือปรับทักษะ (Upskill/Reskill) สำหรับอาชีพหลังโควิด-19 และอีกส่วนหนึ่ง คืองบประมาณจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) จำนวนกว่า 1,000 ล้านบาท จัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยบริหารจัดการทุนวิจัย (PMU : Program Management Unit) ให้ทุนสนับสนุนนักวิจัยไทยในการคิดค้นวิธีการแก้วิกฤตครั้งนี้
.
ศ.นพ.สุทธิพันธ์ จิตพิมาศ ผู้อำนวยการ สกสว. เปิดเผยว่า ในส่วนของการจัดสรรงบประมาณจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้มีการปรับแผนจัดสรรงบประมาณ Strategic fund ปีงบประมาณ 2563 โดยมีการเพิ่มในส่วนของโปรแกรม (Program) 17 คือ การแก้ปัญหาวิกฤตของประเทศ โดยเน้นเร่งด่วนเรื่องโควิด-19 และปัญหาภัยแล้ง โดยการแก้ปัญหาวิกฤตของประเทศนั้น ในส่วนประเด็นโควิด-19 มีการออกแบบการทำงาน ตามเป้าหมายสำคัญแบ่งออกเป็น 3 ระยะ
เริ่มต้นด้วยระยะเร่งด่วน คือ การแพร่กระจายของโรคระบาด การบริหารจัดการภาวะวิกฤต ระยะปานกลาง คือ ความปลอดภัยทางด้านสุขภาพของมนุษย์ และระยะยาว คือ การสร้างความยั่งยืน รวมถึงการพัฒนาด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคม สำหรับการจัดการระบบวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เพื่อรับมือกับโควิด-19 ในภาวะวิกฤตและหลังภาวะวิกฤต ประกอบด้วย 4 มิติ ได้แก่ มิติวิทยาศาสตร์การแพทย์และการสาธารณสุข หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) และสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) มิติของเศรษฐกิจและสังคม มิติของการสื่อสารและการรับรู้ ตลอดจนมิติของมาตรการและการเตรียมการหลังภาวะวิกฤต ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีการจัดสรรงบประมาณจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมไปยังหน่วยบริหารจัดการโปรแกรม
จนกระทั่งได้ผลงานวิจัยสำคัญที่สามารถช่วยหยุดยั้งวิกฤตโควิด เช่น ความสำเร็จการผลิตชุดตรวจโควิด -19 ด้วยวิธี RT-PCR จำนวน 20,000 ชุด มอบแก่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ร่วมกันสนับสนุนทุนวิจัย โครงการวิจัยและพัฒนาเพื่อผลิตชุดตรวจ SARS-CoV-2 ด้วยวิธี Real-Time RT-PCR (qPCR) เพื่อความมั่นคงด้านสุขภาพ โดยพัฒนาและผลิตชุดตรวจจาก prototype ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้พัฒนาขึ้น
ทางด้านหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัย และสร้างนวัตกรรม (บพค.) ก็ได้ดำเนินโครงการวิจัยเรื่อง “COVID-19 Multi-Model Comparison Consortium (CMMC)” สร้างความร่วมมือกับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญจากนานาชาติ โดยการสร้างแบบจำลอง (Model) เพื่อการวางแผนในการรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพื่อวางแผนการจัดเตรียมโรงพยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ให้เหมาะสม นอกจากนี้ยังมีการสร้างแบบจำลองทางด้านผลกระทบเพื่อการวางนโยบายของประเทศ
ส่วนหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) มีการเสนอแผนและโครงการ เช่น การจัดการความเสี่ยงในพื้นที่โดยมหาวิทยาลัยพัฒนาพื้นที่ โดยมีการวางเป้าหมายการดำเนินงาน มหาวิทยาลัยในพื้นที่จัดการข้อมูล ความรู้และเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อตอบปัญหาเร่งด่วนด้านเศรษฐกิจ และสังคมของพื้นที่จากผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ใน 10 จังหวัดเป้าหมาย และมีแผนโครงการการบริหารจัดการหลังภาวะวิกฤต การสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจ (Economic activity) เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก/ชุมชนในพื้นที่แบบเร่งด่วนรองรับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 เพื่อมุ่งหวังยกระดับรายได้และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวไทยโดยอาศัยกลไกการพัฒนาเชิงพื้นที่
สํานักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA มีแผนงานหน่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อสังคมสําหรับการพัฒนาเชิงพื้นที่ 4 หน่วย (มุ่งเน้นการแก้ปัญหาจากโควิด-19) โดยฟื้นฟูผลกระทบจากโควิด-19 โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง และการจ้างงาน สร้างรายได้ สร้างอาชีพให้แก่ชุมชน
สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.) มีแผนงานโครงการการนำร่องเพื่อศึกษาประสิทธิผลของสารสกัดฟ้าทะลายโจรเพื่อให้เสริมกับการรักษาตามมาตรฐานในผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการน้อย เป็นการศึกษาผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยโควิด-19 ที่ใช้ยาฟ้าทะลายโจรร่วมกับการรักษาตามมาตรฐาน ตลอดจนเปรียบกับกลุ่มที่ได้รับการรักษาตามมาตรฐานเพียงอย่างเดียว
นอกจากนี้ยังมีแผนงานโครงการจาก สํานักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ดำเนินโครงการการใช้เทคโนโลยี RT-LAMP และ Genome Evolution Analysis เพื่อการตรวจวินิจฉัยเชื้อ 2019-nCoV เพื่อพัฒนาชุดตรวจ RT-LAMP สำหรับตรวจหาเชื้อโควิด-19 โครงการ นวัตกรรมหน้ากากอนามัยนาโนป้องกันการติดเชื้อโคโรนาไวรัสแบบซักได้ เพื่อพัฒนาต้นแบบหน้ากากอนามัยที่สามารถป้องกันโควิด-19 ได้ สามารถซักและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ช่วยให้ประชาชนและบุคลากรหน่วยงานต่างๆ สามารถเข้าถึงและนำไปใช้ได้ และ วช.ยังมีแผนโครงการการพัฒนาหน้ากากป้องกันเชื้อโรคแบบคลุมศีรษะชนิดมีพัดลมพร้อมชุดกรองอากาศประสิทธิภาพสูงเพื่อรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา เพื่อพัฒนาป้องกันเชื้อโรคสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ แบบคลุมศีรษะ มีพัดลมพร้อมชุดกรองอากาศประสิทธิภาพสูงที่มีแรงดันภายในหน้ากากเป็นไปตามมาตรฐาน และโครงการอื่นๆ อีกมากมาย
ทางด้านสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) มีโครงการในแผนงานสำคัญ โควิด-19 เช่น การสังเคราะห์มาตรการและนโยบายของรัฐบาลเพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 จากผลการประเมินการปฏิบัติตนของประชาชนไทยตามมาตรการต่างๆ เพื่อประเมินผลการปฏิบัติตามมาตรการ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” ในประชาชนไทย และนโยบายหรือมาตรการหรือข้อแนะนําอื่นๆ เช่น การรักษาระยะห่าง (Physical distancing), การใส่หน้ากาก, การล้างมือ, การลดการสัมผัสใบหน้า จมูก ปาก และตา ตลอดจนคำแนะนำในการปรับปรุงนโยบายสาธารณะเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 โครงการวิจัยพัฒนาแบบจําลองบูรณาการระบบการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อสนับสนุนกระบวนการตัดสินใจเชิงนโยบาย เป็นการพัฒนาแบบจำลองสถานการณ์พลวัตระบบของระบบการแก้ปัญหาโควิด-19 ในประเทศไทย เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม โครงการทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของแผนโครงการในโปรแกรม 17 การแก้ปัญหาวิกฤตของประเทศ โดยหน่วยงานทั้งหมดนี้ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่จัดสรรงบประมาณโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เพื่อมุ่งหวังให้ระบบวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นกลไกสำคัญในการช่วยแก้วิฤตโควิด-19 เพื่อบรรลุเป้าหมายในการพาคนไทยทุกคนก้าวผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน
** * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า"SMEsผู้จัดการ"รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด * * *
SMEs manager