วันนี้ ถ้าพูดถึงชื่อ “ฐปณีย์ เอียดศรีไชย” นักข่าวภาคสนาม รายการข่าว 3 มิติ ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ไม่มีใครไม่รู้จัก และหลายคนได้รู้จักเธอในอีกบทบาทหนึ่ง คือ แม่ค้า “ขายอาหารใต้” ที่ทำควบคู่ไปกับการทำงานข่าว
สาเหตุ “ฐาปณีย์” ผันตัวมาทำ อาหารใต้ ในครั้งนี้ มาจากความไม่แน่นอนในอาชีพนักข่าว ทำให้เธอต้องปรับตัวมองหาอาชีพอื่นๆ เพราะหากวันหนึ่งงานข่าวจะลดลง และเธอเองซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัว ก็ต้องวางแผนสร้างอาชีพเสริมที่อาจจะเป็นอาชีพหลักในอนาคตได้ และจากอาชีพเสริมที่ คิดแค่ว่าจะสร้างรายได้ช่วยครอบครัว วันนี้ กลายเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ ให้กับเธอในแบบที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน เพราะการขายอาหารใต้ทางช่องทางออนไลน์ ที่ใช้ชื่อ ว่า “บ้านพี่แยม” ที่ขายผ่านหน้าเพจ มีลูกค้าตอบรับดีเกินคาด
“ฐปณีย์” หรือ “คุณแยม” เล่าว่า ตนเองเป็นคนจังหวัดสงขลา การทำอาหารใต้อยู่ในสายเลือด ครอบครัวทำอาหารรับประทานกันเองมาตลอด ซึ่งทุกคนในครอบครัวทำอาหารใต้กันได้ทุกคน พอวันหนึ่งคิดว่าจะทำอีกอาชีพ ก็เลือกทำในสิ่งที่ตนเองและครอบครัวถนัด นั่นคือ การเปิดร้านอาหารใต้ และได้คนในครอบครัวช่วยกันทำ เพราะเป็นอาชีพที่สามารถเลี้ยงดูทุกคนในครอบครัวได้
“การทำร้านอาหารใต้ในครั้งนี้ เกิดขึ้นมาจาก “แยม” เป็นเสาหลักของครอบครัว ในฐานะที่เป็นพี่ต้องรับผิดชอบดูแลน้องๆ และคนในครอบครัว จึงอยากหารายได้เพิ่มเป็นอาชีพเสริม นอกเหนือจากการทำข่าว เพราะงานข่าวอาจไม่แน่นอน แต่เรามีภาระรับผิดชอบหลายอย่าง มีรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นจึงต้องหารายได้ทางอื่นมาจุนเจือครอบครัว และที่เลือกทำอาหารใต้ เพราะเป็นสิ่งที่เราถนัดและชอบทำอาหาร โดยเฉพาะ น้องชายเขามีความสามารถทำอาหารและชื่นชอบการทำอาหาร เขาจะเป็นคนคิดค้นสูตร และรับหน้าที่เป็นพ่อครัวหลัก”
ที่ผ่านมายังไม่มีเวลาเปิดเป็นร้านอาหารอย่างจริงจัง จนกระทั่งมีเสียงเรียกร้องกันมามาก ได้ตัดสินใจเปิดร้าน ในตอนนี้ ร้านก็ใกล้จะเสร็จ และพร้อมจะเปิดรับลูกค้าแล้ว
ส่วนเมนูที่ถนัด “คุณแยม” บอกว่า ตนเองถนัดทำหมูหวานที่คิดสูตรขึ้นมาเอง เป็นเมนูที่กินคู่กับแกงส้ม และที่ถนัดทำอีกอย่างคือ เมนูผัดสะตอ อาหารพื้นบ้านทางภาคใต้ ส่วนคนปรุงเมนูอื่นๆ นั้นจะเป็นน้องชายที่ทำทั้งเครื่องแกงต่างๆ โดยปรุงรสตามสูตรเฉพาะของครอบครัว และก็มีเมนูเด็ดเป็นที่ติดอกติดใจของลูกค้าอีกอย่างคือ ขนมจีนน้ำยาปู ซึ่งน้องชายเป็นคนคิดสูตรอีกเช่นเคย
“แต่ก่อนก็จะทำขนมจีนน้ำยาใต้ปกติทั่วไป แต่เมื่อมีเพื่อนๆ ชมว่าอร่อยมากจึงเริ่มทำน้ำยาปู ลองเอาไปขายที่ตลาดนัดช่อง 3 จนหลายคนติดใจ หลังจากนั้นก็จะมีคนสั่งเข้ามาตลอด บางครั้งเราติดงานไปทำข่าวไม่มีเวลาก็ต้องพยายามบริหารจัดการ อาศัยว่าต้องมีออร์เดอร์เข้ามาเราจึงจะทำตามสั่ง หลังจากนั้นก็มีคนสั่งไปจัดเลี้ยงอยู่บ่อยๆ”
ทั้งนี้ เพจ “บ้านพี่แยม” จะมีอาหารแปลกใหม่เป็นเอกลักษณ์และไม่เหมือนใครอีกหนึ่งเมนู ได้แก่ เมนู “ขนมจีนหม้อไฟ” โดยลองนำซีฟู้ดอาหารทะเลนานาชนิดมาใส่หม้อไฟและมีน้ำปรุงเป็นน้ำยาขนมจีนรสเด็ด ซึ่งเมื่อนำเมนูขนมจีนหม้อไฟ ไปลงในหน้าเพจเฟซบุ๊ก ผลตอบรับออกมาดีมาก มีลูกค้าสั่งออนไลน์เข้ามาตลอด และมีเมนูอื่นๆ หมุนเวียนกันให้ลูกค้าได้เลือกตามต้องการ
ในส่วนของรายได้ “แยม” เล่าว่า หลังจากที่เปิดรับออร์เดอร์ขนมจีนผ่านช่องทางออนไลน์ เคยมียอดสั่งซื้อทางออนไลน์ มากสุดประมาณ 300 ชุด ซึ่ง เท่ากับกำลังที่ครอบครัวเราจะทำไหว หากคิดเฉพาะกำไรวันหนึ่งเคยทำกำไรได้มากสุดถึงวันละ 10,000 บาท ซึ่งทำให้เรามีกำลังใจเห็นช่องทางการหารายได้ให้ครอบครัวเพิ่มขึ้น
ส่วนราคาอาหารใต้ ของฐปณีย์ ที่ขายผ่านหน้าเพจ “บ้านพี่แยม” ขนมจีนน้ำยาใต้ (ไม่มีเนื้อปู) ขายเป็นชุดๆละ 60 บาท สำหรับรับประทานคนเดียว และขนมจีนน้ำยาใต้ มีเนื้อปู ขายชุดละ 100 บาท สำหรับการรับประทานคนเดียว และส่วนเมนูขนมจีนน้ำยาใต้ซีฟู้ดหม้อไฟ ขายชุดละ 250 บาท สำหรับการรับประทาน 2 คน ในส่วนของการจัดส่ง ใช้บริการจัดส่งของลาลามูฟ
ที่มาของชื่อ "บ้านพี่แยม" ในครั้งนี้ มาจาก ส่วนตัวชอบที่จะชวนเพื่อนมากินข้าวที่บ้าน และมักจะบอกว่า ไปกินข้าวบ้านพี่แยมกัน และตัวเองมีหลานๆ ก็เรียกว่า แม่แยม ตอนนั้นเพื่อนแนะนำว่า ให้ใช้ชื่อว่า ครัวแม่แยม แต่เราไม่ใช่คนครัวหลัก คนครัวหลักเป็นน้องชาย ตนเองก็เป็นแค่ผู้ช่วย ก็ใช้ชื่อ “บ้านพี่แยม” เหมือนชวนเพื่อนมากินข้าวบ้าน และต้องการถ่ายทอดความรู้สึกเหมือนกับว่า บ้านพี่แยมก็ทำกับข้าวให้กินกัน
ทั้งนี้ ในอนาคตมีแผนที่จะต่อยอดเมนูใหม่ ตนเองเป็นคนสงขลา จะมีเมนูพื้นบ้าน เช่น เต้าคั่ว และ ข้าวแกงมันไก่ ซึ่งคนภาคกลางก็อาจจะยังไม่รู้จักกันมากนัก เราก็จะนำมาทำเพิ่มในร้าน และที่จังหวัดสงขลา มีผักพื้นบาท และผลไม้ เช่น เงาะ มังคุด ทุเรียน ลองกองฯลฯ ซึ่งที่บ้านแยมและ บ้านญาติ มีผักและผลไม้ดังกล่าวปลูกขายกันอยู่แล้ว ถ้าสามารถนำมาต่อยอดในการทำอาหารและนำมาขายควบคู่ไปกับการขายอาหารใต้ ที่ร้านอาหาร และทางออนไลน์ก็น่าจะดี และเวลาไปทำข่าวไปเจออาหารอร่อย ก็นำมาขายที่ร้านอาหารของเราด้วย
แม้ว่าจะได้รับการตอบรับค่อนข้างดี แต่การทำงานหลายอย่างก็ย่อมมีอุปสรรค “แยม” เล่าให้ฟังว่า “การที่เรามีคนรู้จักมากแล้วมาทำอาหารถือเป็นเรื่องใหญ่ ต้องมีความรับผิดชอบสูงมาก เพราะมีหลายคนสนใจจะกินอาหารของเรา ถ้าของไม่อร่อยจริงก็วัดที่คุณภาพชื่อเสียงที่สั่งสมมา การทำงานตรงนี้จึงไม่ใช่เรื่องที่ทำแบบเล่นๆ ต้องใส่ใจให้ความสำคัญมาก บางครั้งอาจไม่มีเวลาไม่ใช่คนปรุงอาหารทั้งหมดเป็นหลัก แต่เราก็ต้องคิวซีอาหารทุกอย่างให้มีคุณภาพ”
สำหรับอุปสรรคในการทำงานช่วงแรกๆ เช่น เรื่องบรรจุภัณฑ์ เพราะต้องส่งอาหารไปไกลๆ มีฝาปิดไม่สนิทมีฝารั่วบ้าง ทำให้เราต้องหาแพ็กเกจใหม่ให้เหมาะสม โดยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้มีความสำคัญมากในการขายอาหารออนไลน์ ดังนั้น จึงต้องใส่ใจทุกขั้นตอน สิ่งไหนที่ไม่เคยทำก็ต้องเริ่มเรียนรู้ใหม่ เริ่มบริหารจัดการให้ดี คัดเลือกวัตถุดิบให้มีคุณภาพ หรือแม้กระทั่งการตรงต่อเวลา ซึ่งต้องมาวางระบบต่างๆ เหล่านี้เพื่อต่อยอดเป็นร้านอาหารที่มีคุณภาพในอนาคต
สนใจ ติดตามได้ทาง FB: บ้านพี่แยม
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า"SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *
www.facebook.com/SMEs.manager">
SMEs manager