เรียกได้ว่าเป็นธุรกิจที่คนให้ความสำคัญน้อยมากแต่หารู้ไม่ว่าธุรกิจที่คนอื่นไม่ค่อยใส่ใจจะสามารถสร้างรายได้มากมายอย่างน้ำตาลมะพร้าวแบรนด์ “เตาตาล น.แสงจันทร์” ที่นำเอาน้ำตาลมะพร้าวของครอบครัวมาพัฒนาต่อยอดจนกลายเป็นน้ำตาลมะพร้าวที่สร้างรายได้ให้แก่ครอบครัวจนถึงทุกวันนี้
คุณพิมพรรณ แสงจันทร์ หรือคุณนุช เจ้าของธุรกิจน้ำตาลมะพร้าว เตา น.แสงจันทร์ เล่าว่า ในอดีตครอบครัวได้ทำน้ำตาลมะพร้าวขายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่พอตนได้แต่งงานจึงได้แยกตัวออกมาสร้างครอบครัว แต่ก็ไม่ลืมที่จะทำธุรกิจที่พ่อแม่ทำไว้ก่อนหน้านี้ โดยการนำน้ำตาลมะพร้าวมาพัฒนาให้สามารถเป็นที่ต้องการแก่ตลาด ซึ่งมีการนำเครื่องมือและอุปกรณ์เข้ามาช่วยในการลดใช้แรงงาน เนื่องจากการตลาดต้องการความรวดเร็วและจำนวนของสินค้าจำนวนมาก เหตุนี้เองจึงได้พัฒนาต่อยอดน้ำตาลมะพร้าวที่เป็นสมบัติของครอบครัวของตน
จากวันนั้นจนถึงวันนี้คุณนุชได้ใช้เวลาทำน้ำตาลมะพร้าวมาอย่างยาวนานราวๆ 8-9 ปีได้ น้ำตาลมะพร้าวที่หลายคนคงทราบกันดีว่าสามารถนำมาประกอบอาหารได้ทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน ซึ่งแน่นอนว่าส่วนใหญ่ต้องนำมาใช้ปรุงเป็นวัตถุดิบหลักของขนมหวานต่างๆ เพราะว่าน้ำตาลมะพร้าวจะมีคุณสมบัติที่มีความอร่อย มีกลิ่นหอม มีความมันมากกว่าน้ำตาลทรายทั่วไป
ทั้งนี้การโปรโมทสินค้าของร้านคุณใช้วิธีโปรโมททางโซเชียลมีเดียอย่าง เพจเฟซบุ๊ก แต่ก็ไม่ได้เป็นที่รู้จักในกลุ่มลูกค้ามากนัก สิ่งที่ทำให้ลูกค้าสนใจและหันมาบริโภคน้ำตาลมะพร้าวของทางร้านมากขึ้นคือการบอกเล่าปากต่อปากจากลูกค้าถึงลูกค้ารายใหม่ต่อไปเรื่อยๆ วิธีนี้เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในการสั่งซื้อน้ำตาลมะพร้าวเป็นอย่างมาก
สำหรับการจำหน่ายทางร้านได้มีการส่งไปขายตามตลาดที่ติดต่อเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นในจังหวัดสมุทรสงครามที่เป็นแหล่งผลิตเอง ไปจนถึงต่างจังหวัดและภายในกรุงเทพมหานคร ซึ่งการจัดส่งนั้นจะจัดส่งตามออเดอร์ที่ลูกค้าสั่งซื้อเข้ามา โดยน้ำตาลมะพร้าวของทางร้านจะทำแบบสดใหม่ วันต่อวัน และนำส่งขายทุกวัน โดยน้ำตาลมะพร้าวมีทั้งหมดสองชนิดคือ แบบแห้งและแบบนิ่มหรือเหลว แบบแห้งสามารถอยู่ได้นานเป็นเดือน แต่แบบนิ่มหรือเหลวนั้นอยู่ได้นานเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์เท่านั้น
ด้านผลตอบรับของลูกค้าถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ เพราะลูกค้าให้ความไว้วางใจในสินค้าของทางร้านเป็นอย่างดี ในช่วงเทศกาลต่างๆ จะมีการทำอาหารทั้งคาวและหวานในช่วงนี้น้ำตาลมะพร้าวของทางร้านจะขายดีเป็นพิเศษ หรือมากกว่าเท่าตัวก็ว่าได้ ทั้งนี้รายได้ที่มาจากการขายน้ำตาลมะพร้าวนั้นอยู่ที่ประมาณ 1 แสน บาทต่อเดือน ซึ่งน้ำตาลมะพร้าวของทางร้านจะมีหลายราคาด้วยกัน เช่น น้ำตาลมะพร้าวเกรดแท้ไม่ผสมน้ำตาลทรายจะมีราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 60 บาท น้ำตาลมะพร้าวที่มีส่วนผสมของน้ำตาลทรายหรือที่เรียกว่าน้ำตาลผสมชนิดพิเศษอยู่ที่กิโลกรัมละ 28 บาทในราคาตลาด แต่ถ้าซื้ออยู่ที่บ้านจะกิโลกรัมละ 26 บาท ส่วนน้ำตาลเกรดรองคือน้ำตาลที่ไม่ใช้น้ำตาลสดเลยกิโลกรัมละ 23 บาทในตลาด ซื้อที่บ้านกิโลกรัมละ 21 บาท และน้ำตาลกรวดกิโลกรัมละ 29 บาทในตลาด ซื้อที่บ้านอยู่ที่กิโลกรัมละ 27 บาท
นอกจากนี้ในการทำน้ำตาลมะพร้าวตามออเดอร์ที่ลูกค้าสั่งนั้นบางครั้งไม่อาจทราบได้ว่าลูกค้าจะสั่งมากน้อยเพียงใด วัตถุดิบที่ทางร้านมีจะเพียงพอหรือไม่ แต่ว่าทางร้านได้รับโอกาสจากทาง ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ ธพว. (SME Development Bank) เข้ามาช่วยเหลือในด้านการสนับสนุนเงินทุนเพื่อสร้างธุรกิจ ซึ่งทางร้านได้รับเงินทุนจำนวนหนึ่งมาซื้อวัตถุดิบมากักตุนไว้เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในการสั่งซื้อตามความต้องการได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตามคุณนุชก็จะพยายามพัฒนาต่อยอดธุรกิจน้ำตาลมะพร้าวให้สามารถสร้างรายได้และสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นในอนาคต เพื่อจะได้ให้น้ำตาลมะพร้าวเป็นวัตถุดิบในการประกอบอาหารเป็นที่นิยมมากที่สุด
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *
