xs
xsm
sm
md
lg

สาหร่ายพวงองุ่น เมนูฮิตคนรักสุขภาพ สร้างเกษตรกรเงินล้าน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


สาหร่ายพวงองุ่น อาหารเพื่อสุขภาพที่กำลังได้รับความนิยมผู้บริโภคที่รักสุขภาพ ทำให้มีการเพาะเลี้ยงสาหร่ายชนิดนี้ กันอย่างแพร่หลายในพื้นที่ใกล้กับทะเล และในอีกหลายจังหวัดที่อยู่ห่างไกลทะเล
นันทิยา มานิช   ทายาท เจ้าของ สาหร่ายพวงองุ่น family farm
สำหรับสาหร่ายพวงองุ่น เป็นสาหร่ายน้ำเค็ม พบได้ในทะเลตามธรรมชาติ มีการรับประทานสาหร่ายชนิดนี้ กันมานานในกลุ่มคนที่ชายฝั่งทะเล แต่หลังจาก มีการวิจัยในหลายประเทศ โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น พบว่าสาหร่ายชนิดนี้ มีคุณประโยชน์ หลายอย่าง อาทิ แร่ธาตุและวิตามิน เช่น วิตามินบี 2 วิตามินอี เกลือแร่ และสารอาหารสำคัญอย่างแมกนีเซียม แคลเซียม โพแทสเซียม สังกะสี ไอโอดีน เบต้าแคโรทีน พร้อมทั้งกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย ชนิดที่หาไม่ได้จากพืชบนบก และยังมีแคลอรีต่ำ โซเดียมต่ำ มีไฟเบอร์สูง จึงช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายได้ดี ฯลฯ

ด้วยเหตุนี้ ทางกรมประมง ของไทย จึงได้ส่งเสริมและให้ความรู้แก่เกษตรกรที่สนใจ และหนึ่งในนั้น คือ เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสาหร่ายพวงองุ่น ที่ ต.แหลมผักเบี้ย อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี บนพื้นที่กว่า 30 ไร่ และหนึ่งในฟาร์มเลี้ยงสาหร่ายที่ประสบความสำเร็จ มีผลผลิตส่งไปจำหน่ายทั่วประเทศ จำนวน 3,000-4,000 กิโลกรัม ต่อเดือน ในราคากิโลกรัมละ 250 บาทถึง 300 บาท ทำให้เขามีรายได้สูงถึง7 แสนถึง 9 แสนบาท ต่อเดือน

คุณนันทิยา มานิช เจ้าของ สาหร่ายพวงองุ่น Family Farm เล่าว่า เดิมครอบครัวมีอาชีพทำนาเกลือ และทำบ่อเลี้ยงปลา และกุ้ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จเลย จนวันหนึ่ง ในปี 2557 เจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งเพชรบุรี เปิดอบรม ครอบครัวของเราเข้าอบรม และรับคำแนะนำ พร้อมกันนี้ เจ้าหน้าที่ได้แจกพันธุ์ให้กับชาวบ้านทดลองปลูกสาหร่ายพวงองุ่น เพราะเหมาะกับสภาพพื้นที่ เนื่องจากตำบลแหลมผักเบี้ย พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ติดทะเล อีกทั้งสาหร่ายพวงองุ่นต้องเพาะเลี้ยงในน้ำเค็มเท่านั้น จึงใช้พื้นที่นาเกลือกว่า 30 ไร่ ปลูกสาหร่ายพวงองุ่นตั้งแต่นั้นมา

การปลูกสาหร่ายชนิดนี้ ไม่ได้ง่ายอย่างที่หลายคนคิด ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งขั้นตอนการปลูกจะคล้ายการทำนา ใช้วิธีการปักลงในดิน เริ่มจากคัดพันธุ์สาหร่ายที่มีสีออกแดง-เขียว ก่อนปักลงดินต้องสูบน้ำเข้าในบ่อระดับความสูงประมาณ 30 เซนติเมตร หลังจากปักดำเสร็จจะสูบน้ำเพิ่มให้สูงถึงระดับเอว หรือประมาณ 50-60 เซนติเมตร ที่สำคัญต้องถ่ายน้ำออกวันละครั้ง เพราะสาหร่ายจะกินอาหารจำพวกแพลงก์ตอน ยิ่งเปลี่ยนน้ำบ่อยก็จะทำให้สาหร่ายเติบโตดี

หากช่วงหน้าฝนควรตรวจค่าวัดความเค็มของน้ำให้อยู่ในระดับ 28-33 ppt ไม่เช่นนั้นอาจทำให้สาหร่ายตายได้ ใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 6-8 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ เพราะสาหร่ายพวงองุ่นเป็นพืชชอบอากาศร้อน ไม่ชอบอากาศหนาว และ ทุกๆ 2 ปี ควรพักบ่อเพื่อปรับหน้าดิน โรยด้วยปูนขาวทำการฆ่าเชื้อราที่อยู่ในดิน ผึ่งแดดประมาณ 15-30 วัน

ส่วนราคาขายเนื่องจากปัจจุบันมีผู้เลี้ยงมากขึ้น ทำให้ราคาสาหร่ายลดลงไปตามการแข่งขันของตลาด โดยที่ฟาร์มของเราจะขายในราคาขายส่งมาตลอด คือ กิโลกรัมละ 250-300 บาท ขึ้นอยู่กับขนาด แต่ถ้าเป็นช่วงที่สาหร่ายขาดตลาดอย่างฤดูฝน ฤดูหนาว สาหร่ายเกรดพรีเมี่ยม ราคาพุ่งไปถึง 500-700 บาทต่อกิโลกรัม ก็เป็นได้

สำหรับลูกค้าของฟาร์ม จะมาจาก 2 ทาง คือ โซเชียลเน็ตเวิร์ก และการขายหน้าฟาร์ม เนื่องจากฟาร์มของเรา เปิดเป็นศูนย์เรียนรู้ด้วย ดังนั้น ลูกค้าที่มาซื้อหน้าฟาร์ม จึงมีเข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีทั้งที่รับไปจำหน่ายต่อ และ ร้านอาหาร ภัตตาคาร ไปจนถึงคนที่ซื้อเพื่อนำไปบริโภคเอง ซึ่ง คุณนันทิยา เธอเข้ามารับหน้าที่ในการดูแลตลาดในส่วนของการขายออนไลน์ในช่วงที่ตลาดออนไลน์บูม

สำหรับลักษณะของสาหร่ายพวงองุ่น คือ เม็ดสีเขียวใส ลักษณะกลมคล้ายองุ่นลูกจิ๋วอยู่ชิดกันเป็นพวง ด้วยเหตุที่ คนไทยก็เลยเรียกว่าสาหร่ายพวงองุ่น ซึ่งในชื่อภาษาอังกฤษก็คล้าย ๆ กันในชื่อ Sea Grapes ส่วนในญี่ปุ่นเขาเรียกสาหร่ายพวงองุ่นว่า Umi-budou ที่แปลว่าองุ่นแห่งท้องทะเล แต่บางทีเราก็เรียกสาหร่ายพริกไทย คาร์เวียร์สีเขียว (Green Caviar)ทั้งในประเทศอื่น ๆ ยังเรียกสาหร่ายพวงองุ่นแตกต่างกันไป การพบสาหร่ายชนิดนี้ จะพบกันในประเทศแถบร้อนชื้น อย่างอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ญี่ปุ่น ส่วนไทยพบได้บ้างในแถบทะเล น้ำลึก

สนใจ ติดต่อได้ที่ fb:ฟาร์มสาหร่ายพวงองุ่น Family Farm
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น