ผู้ประกอบการธุรกิจมักให้ความสำคัญกับการขายของอย่างไรจึงจะได้กำไร ซึ่งเมื่อมีรายจ่ายที่ทำให้ได้กำไรน้อยลงก็ไม่ต้องการจ่าย ภาษีก็เป็นอีกหนทางที่ต้องการหลีกเลี่ยงและคิดว่าการบัญชีหลายเล่มนั้นจะช่วยให้เสียภาษีน้อยลง แต่อาจลืมคิดไปว่าอาจจะเป็นอุปสรรคในการเติบโตของธุรกิจในอนาคต บางทีอาจจะมีทางออกที่สามารถมาทดแทนได้ ลองมาดูกันดีกว่าว่าเป็นอย่างไรได้บ้าง
1. บริหารจัดการธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ - การมีหลายบัญชี อาจทำให้สับสนว่าต้นทุนและกำไรเล่มไหนกันแน่คือของจริง แต่การมีเพียงบัญชีเดียวจะทำให้เอสเอ็มอีสามารถวิเคราะห์ได้ตรงจุดว่าสินค้าตัวไหนขายดี ทำกำไรให้ธุรกิจได้มาก หรือสภาพคล่องของธุรกิจแท้จริงแล้วเป็นเช่นไร เพื่อนำไปวางแผนการบริหารจัดการ ถ้าลองคิดกันแบบง่ายๆ การมี 1 คนบริหารหลายบัญชี กับการมี 1 บัญชีแล้วช่วยกันบริหารหลายคน แบบไหนจะทำให้การบริหารธุรกิจมีประสิทธิภาพมากกว่ากัน นอกจากนี้การมีบัญชีเดียวยังป้องกันการทุจริตได้อีกด้วย เพราะทุกคนจะรับรู้สถานการณ์ของธุรกิจจากข้อมูลในบัญชีเล่มเดียวกัน
2. ลงบัญชีได้ง่ายขึ้น - ไม่ต้องปวดหัวหาวิธีซิกแซกหลบเลี่ยง หรือมัวแต่กังวลว่าจะซ่อนรายได้เลี่ยงภาษีอย่างไร เพราะการมีบัญชีเดียวนั้นสามารถลงบัญชีได้ตามความเป็นจริง ไม่ต้องตกแต่งตัวเลขในบัญชี จริงๆ แล้วการทำบัญชีเดียวนั้นไม่ได้ยุ่งยากอะไร เพียงแค่ทำตามกฎระเบียบเท่านั้น ซึ่งในปัจจุบันมีซอฟต์แวร์บัญชีหลายเจ้าให้เลือกใช้ ก็ยิ่งทำให้การลงบัญชีง่ายขึ้น และที่สำคัญคือการมีบัญชีเดียวนั้น ทำให้เอสเอ็มอีไม่ต้องหวาดระแวงกลัวสรรพากรจะตามมาตรวจสอบเก็บภาษีย้อนหลัง เพราะบัญชีของคุณโปร่งใสไม่มีอะไรให้จับผิดนั่นเอง
3. ลดหย่อนภาษีได้มากขึ้น - ค่าใช้จ่ายบางรายการอาจช่วยเอสเอ็มอีประหยัดภาษีมากกว่าทำ 2 บัญชีเสียอีก ได้แก่ค่าใช้จ่ายในการลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจ เช่น ลงทุนในเทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา หรือแม้กระทั่ง การฝึกอบรมพนักงาน ซึ่งเอสเอ็มอีสามารถนำค่าใช้จ่ายเหล่านี้ไปลดหย่อนภาษีได้เพิ่มเติม นอกจากนี้ยังมีดอกเบี้ยสินเชื่อธุรกิจ ค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินที่ใช้ในกิจการ ค่าใช้จ่ายในการสร้างแบรนด์ การตลาด และอื่นๆ อีกหลายรายการ ที่นำไปใช้ในการลดหย่อนภาษีได้ ดังนั้นสิ่งที่จะทำให้เอสเอ็มอีเสียภาษีน้อยลง ไม่ได้อยู่ที่การมีหลายบัญชี แต่อยู่ที่การวางแผนภาษีอย่างฉลาดนั่นเอง
4. เพิ่มโอกาสในการขอสินเชื่อธนาคาร - การมีบัญชีเดียวจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ และสะท้อนสถานะทางการเงินของธุรกิจอย่างแท้จริง ทำให้มีโอกาสในการขอสินเชื่อได้มากขึ้น เพราะธนาคารได้เห็นข้อมูลของธุรกิจที่ถูกต้องและเป็นจริง ธนาคารก็จะสามารถพิจารณาสินเชื่อที่เหมาะสมกับความต้องการของธุรกิจได้ และในอนาคตธนาคารจะพิจารณาสินเชื่อจากบัญชีของธุรกิจที่ใช้ยื่นกับกรมสรรพากร
ที่มา : ธนาคารกสิกรไทย