ไม่ใช่แค่เรื่องเล่าในหนัง ทว่า แต่ละวันมีหนุ่มสาวราว 300 คู่จองคิวทำพิธีวิวาห์ในศาลาว่าการและโบสถ์หลายแห่งบนเดอะ สตริป หรือถนนสายหลักใจกลางลาสเวกัส แต่ตอนนี้สมาคมยานยนต์อเมริกัน (AAA) กำลังพยายามเปลี่ยนใจบ่าวสาวบางคู่โดยมีเป้าหมายมากไปกว่าการเติมความทรงจำแสนพิเศษ
วันศุกร์ที่แล้ว (8) AAA เปิดรับสมัครบ่าวสาวคู่แรกที่จะได้ฉลองแต่งงานบนนาฟยา หรือชัตเติลบัสไร้คนขับ ผู้ที่สนใจต้องเป็นชาวเนวาดาอายุ 21 ปีขึ้นไป โดยสามารถกรอกแบบฟอร์มออนไลน์บนเว็บไซต์ของ AAA พร้อมเรียงความยาวไม่เกิน 400 คำ อธิบายว่าทำไมคู่ของตนจึงสมควรได้รับโอกาสนี้ กำหนดปิดรับสมัครในวันที่ 20 มิถุนายน
หลังจากนั้น 10 วัน AAA กำหนดฤกษ์งามยามสวยเวลา 10 โมงตรง เพื่อจัดพิธีวิวาห์ให้บ่าวสาวที่ได้รับเลือกที่ดาวทาวน์ ลาสเวกัส คอนเทนเนอร์ ปาร์ก ซึ่งเป็นชอปปิ้งเซ็นเตอร์แบบโอเพนแอร์ และเมื่อสวมแหวนและให้คำมั่นร่วมทุกข์ร่วมสุขกันชั่วชีวิตแล้ว คู่แต่งงานใหม่จะได้รับเชิญชมวิวในย่านฟรีมอนต์บนชัตเติลบัสนาฟยา
ไมเคิล บลาสกี โฆษก AAA บอกว่า รางวัลนี้ไม่ได้แค่ต้องการเพิ่มความทรงจำพิเศษแก่บ่าวสาวผู้โชคดีเท่านั้น แต่ยังหวังว่าจะช่วยกระตุ้นให้ผู้คนคิดถึงวิธีที่จะนำเทคโนโลยีมาปรับปรุงชีวิตประจำวันด้วยมุมมองที่กว้างขึ้นและเป็นไปได้จริงมากขึ้น
ชัตเติลบัสของ AAA ออกแบบโดยนาฟยา สตาร์ทอัพจากฝรั่งเศส เริ่มให้บริการในเวกัสตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว โดยติดตั้งไลดาร์เซ็นเซอร์ จีพีเอส กล้อง และการเชื่อมต่อ V2I (vehicle-to-infrastructure) หรือเทคโนโลยีที่ช่วยให้รถสามารถสื่อสารกับระบบโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สัญญาณไฟจราจร
นาฟยารองรับผู้โดยสาร 8 คน ซึ่งรวมถึงผู้ที่เตรียมพร้อมเข้าควบคุมรถแทนระบบอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉิน
ปกติแล้วชัตเติลบัสไร้คนขับนี้จะจอดรับผู้โดยสารที่คอนเทนเนอร์ ปาร์ค และแวะรับ-ส่งระหว่างทางหลายจุด ซึ่งรวมถึงฟรีมอนต์ สตรีท เอกซ์พีเรียนซ์ และโดนัทบาร์ รวมเวลาในการให้บริการวันละ 8 ชั่วโมงตั้งแต่วันอังคารถึงวันอาทิตย์
หุ้นส่วนของโปรเจ็กต์นี้มีอาทิ คณะกรรมการการขนส่งเซาธ์ เนวาดา และคีโอลิส นอร์ธ อเมริกา ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการนาฟยา
ในวันแรกของการให้บริการ นาฟยาเคยเป็นข่าวพาดหัวตัวโตหลังขับชนท้ายรถคันหนึ่ง โชคดีที่ไม่มีใครบาดเจ็บ และนับจากนั้นก็ไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอีกเลย
AAA แถลงว่า นับจากก่อตั้งจนถึงวันนี้รวมเวลาได้ 100 ปี ทางสมาคมยังคงยึดถือความปลอดภัยของสมาชิกและประชาชนบนท้องถนนเป็นหลัก และเชื่อว่า เทคโนโลยีรถอัตโนมัติมีศักยภาพในการลดอุบัติเหตุซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากความผิดพลาดของมนุษย์