จ๊อบไทยดอทคอมเผย 3 สายงานสำคัญที่หุ่นยนต์จะมาช่วยสนับสนุนการทำงานของมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมเผย 3 ทักษะที่มนุษย์ยังเหนือกว่าหุ่นยนต์ แนะพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้โลกการทำงานในอนาคตของทั้งมนุษย์และหุ่นยนต์สามารถทำงานและอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข
นางสาวแสงเดือน ตั้งธรรมสถิตย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้าผู้บริหารด้านปฏิบัติการ เว็บไซต์จ๊อบไทยดอทคอม (JobThai.com) กล่าวว่า ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีตลอดหลายปีที่ผ่านมาปฏิเสธไม่ได้ว่าทำให้โลกธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง จนทำให้หลายองค์กรต่างนำระบบและเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำงานมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเรื่องระบบอัตโนมัติหรือปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ที่มีบทบาทมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในหลากหลายอาชีพ ทำให้หลายคนเกิดความวิตกกังวลว่าหุ่นยนต์จะเข้ามาทำหน้าที่ทดแทนมนุษย์ได้ทั้งหมดในระยะเวลาอันใกล้นี้
ทั้งนี้ ในความเป็นจริงหากลองวิเคราะห์ข้อมูลแล้ว งานที่หุ่นยนต์จะเข้ามาทดแทนนั้นมักจะเป็นงานที่มีรูปแบบการทำงานแบบเดิมซ้ำๆ หรือเป็นงานที่เน้นการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เนื่องจากระบบคอมพิวเตอร์มีความสามารถในการคำนวณข้อมูลที่ซับซ้อนได้รวดเร็วและแม่นยำกว่ามนุษย์ ดังนั้นเทคโนโลยีด้าน AI จะมีผลเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของมนุษย์ไปในทิศทางที่ดีขึ้น งานบางอย่างจะถูกหุ่นยนต์ทดแทนแต่ก็จะเกิดงานในรูปแบบใหม่ๆ ที่หุ่นยนต์ยังไม่สามารถทำแทนได้ เช่น งานที่ใช้ทักษะด้านความคิดสร้างสรรค์ งานที่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า ฯลฯ ตลอดจนงานบางอย่างที่มนุษย์สามารถนำจุดแข็งของหุ่นยนต์มาใช้และทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ด้วยเหตุนี้เว็บไซต์จ๊อบไทยดอทคอม ในฐานะผู้นำด้านเว็บไซต์หางาน สมัครงาน อันดับ 1 ของประเทศไทย ที่มีผู้ลงทะเบียนฝากประวัติกว่า 1.4 ล้านคน และมีจำนวนงานจากบริษัทชั้นนำกว่า 90,000 อัตรา จึงได้รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลพบว่ามี 3 สายงานหลักๆ ที่หุ่นยนต์จะมาช่วยสนับสนุนการทำงานของมนุษย์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนี้
1. อาชีพด้านบริการ เช่น พนักงานจองตั๋วเครื่องบิน พนักงานต้อนรับในโรงแรม ฯลฯ ซึ่งปัจจุบันแนวโน้มการใช้งานหุ่นยนต์ในภาคบริการมีโอกาสแซงหน้าหุ่นยนต์ภาคการผลิต โดยจะเห็นว่ามีองค์กรจากหลากหลายธุรกิจที่นำหุ่นยนต์ไปใช้ในการให้บริการ ซึ่งหุ่นยนต์สามารถเข้ามาช่วยทำให้การทำงานง่ายขึ้นทั้งผู้ให้บริการและลูกค้าที่มาใช้บริการ แต่หากมีเรื่องที่ซับซ้อนหรือนอกเหนือจากที่สั่งการให้หุ่นยนต์จัดการได้ ท้ายที่สุดมนุษย์ก็ยังจำเป็นต้องเป็นผู้แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะถึงแม้คอมพิวเตอร์จะสามารถประมวลผลข้อมูลมหาศาลได้รวดเร็วแค่ไหน ก็ยังไม่สามารถมาทำหน้าที่แทนมนุษย์ในเรื่องของการตัดสินใจตลอดจนการแสดงความรู้สึกนึกคิด ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการแท้จริงได้
2. อาชีพเฉพาะทาง เช่น ผู้ช่วยแพทย์ เห็นได้จากปัจจุบันแวดวงการแพทย์เริ่มนำเทคโนโลยีหุ่นยนต์เข้ามาใช้ในการทำงานมากขึ้น ที่เห็นได้ชัดเจนก็คือการผ่าตัด โดยหุ่นยนต์นั้นสามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถึงอย่างไรการใช้หุ่นยนต์ยังมีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น การผ่าตัดที่ซับซ้อนในอวัยวะสำคัญ ที่ต้องอาศัยความรู้ความชำนาญของแพทย์เป็นหลัก รวมถึงยังต้องอาศัยทักษะการตัดสินใจในเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ที่มีในมนุษย์เท่านั้นอีกด้วย
3. อาชีพให้คำปรึกษา เช่น ที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งข้อมูลที่ได้จะมีความแม่นยำสูง ช่วยลบข้อผิดพลาดรวมถึงความลำเอียงในบางสถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจของมนุษย์
แต่อย่างไรก็ตาม ทางจ๊อบไทยดอทคอมยังวิเคราะห์ 3 ทักษะอันเป็นจุดแข็งสำคัญที่ทำให้มนุษย์ยังเหนือกว่าหุ่นยนต์ ก็คือ 1. ทักษะทางสังคม (Social Skills) เนื่องจากโลกใบนี้ประกอบไปด้วยหลายสิ่งมากมาย ดังนั้นมนุษย์จึงต้องรู้จักเรียนรู้ที่จะมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันและพึ่งพาอาศัยกัน ผ่านการสื่อสารทั้งการพูด การฟัง การแสดงออก เพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางบวกให้เกิดขึ้น 2. ทักษะทางอารมณ์ (Emotional Intelligence) เพราะมนุษย์มีความสามารถในการตระหนักรู้ถึงความรู้สึกของตนเองและผู้อื่น และใช้สิ่งดังกล่าวในการสร้างความสัมพันธ์เพื่อให้เกิดประโยชน์ได้ และ 3. ทักษะความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking) เพราะสมองของมนุษย์มีความซับซ้อนและมีความสามารถในการคิดได้หลากหลายรูปแบบ จนนำไปสู่การคิดค้นและสร้างสิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น
“จะห็นว่าทักษะเหล่านี้ล้วนเกิดจากการเรียนรู้โดยธรรมชาติของมนุษย์เป็นทุนเดิม ถือเป็นจุดแข็งของมนุษย์ที่เทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ยังไม่สามารถทำได้ดีในระดับเทียบเท่า แม้การพัฒนาของเทคโนโลยีหรือปัญญาประดิษฐ์จะมีความก้าวหน้ามากขึ้นก็ตาม ดังนั้นมนุษย์จึงต้องเรียนรู้และพัฒนาทักษะดังกล่าว รวมถึงทักษะเฉพาะด้าน ตลอดจนองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีควบคู่กันไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้โลกการทำงานในอนาคตของทั้งมนุษย์และหุ่นยนต์สามารถทำงานและอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข” นางสาวแสงเดือนกล่าวทิ้งท้าย
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *