สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ร่วมมือกับ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) การประปานครหลวง (กปน.) และการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ยกระดับการให้บริการประชาชนด้วย BigData และเพื่อเป็นข้อมูลให้ธนาคารนำไปวิเคราะห์การขอสินเชื่อในกลุ่ม SMEs
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า สคร.ได้ร่วมมือกับรัฐวิสาหกิจ 5 แห่ง ได้แก่ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) การประปานครหลวง (กปน.) และการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเรื่องการบูรณาการข้อมูลเพื่อยกระดับการให้บริการประชาชนสู่การเป็น BigData ของรัฐวิสาหกิจ (MOU) ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการสัมมนาผู้บริหารระดับสูงของรัฐวิสาหกิจ (CEOForum) ตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อผลักดันการบริหารจัดการ BigData และ DigitalTransformation ในรัฐวิสาหกิจ โดย สคร.ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลรัฐวิสาหกิจทำหน้าที่เป็นสื่อกลางและเป็นที่ปรึกษาในการประสานให้รัฐวิสาหกิจทั้ง 5 แห่งได้หารือกัน บันทึกข้อตกลงนี้จะถือเป็นตัวอย่างความร่วมมือเพื่อต่อยอดต่อการบูรณาการข้อมูลของรัฐวิสาหกิจกลุ่มอื่น
นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) กล่าวว่า ธนาคารเสนอโครงการนำร่องในการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานผู้ให้บริการไฟฟ้าและน้ำประปา ซึ่งจะช่วยให้รู้สถานะรวมถึงยืนยันตัวตนของผู้ประกอบการ SMEs รายย่อย หรือ “จุลเอสเอ็มอี” ช่วยให้ผู้ประกอบการกลุ่มดังกล่าวมีโอกาสเข้าถึงองค์ความรู้และแหล่งเงินทุนสินเชื่อของธนาคารมากขึ้น ขณะเดียวกัน หน่วยงานผู้ให้บริการไฟฟ้าและน้ำประปาสามารถนำข้อมูลของผู้ที่มาขอสินเชื่อกับธนาคารไปวิเคราะห์และปรับปรุงบริการให้เหมาะสมกับสภาพธุรกิจอีกด้วย
นายชัยยงค์ พัวพงศกร ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) กล่าวว่า กฟน.ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการบูรณาการฐานข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้า โดยที่ผ่านมา กฟน.ได้มีการพัฒนางานบริการด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยต่อเนื่อง ได้มีการร่วมมือกับกรมการปกครองดำเนินโครงการ Linkage Center เพื่อเชื่อมโยงฐานข้อมูลร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และในครั้งนี้ กฟน.พร้อมต่อยอดโครงการดังกล่าวร่วมกับ ธพว.เพื่อการเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างผู้ใช้ไฟฟ้ากับผู้ขอยื่นสินเชื่อ ซึ่งจะทำให้เกิดการปรับปรุงข้อมูลได้อย่างต่อเนื่องและทำให้มีความถูกต้องแม่นยำ เกิดการบูรณาการที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนเพิ่มมากขึ้น
นายเสริมสกุล คล้ายแก้ว ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กล่าวว่า กฟภ.ได้ดำเนินการตามนโยบาย Thailand 4.0 ในส่วนของการสนับสนุน SMEs การเพิ่มคุณภาพการให้บริการประชาชน โดย กฟภ.จะเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ความคิดสร้างสรรค์นวัตกรรมพัฒนาบุคลากรรองรับการเปลี่ยนแปลงและธุรกิจใหม่พัฒนากระบวนการทำงานที่รองรับยุคดิจิตอล อำนวยความสะดวกและรวดเร็วในงานบริการให้แก่ประชาชนด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย ตอบสนองความต้องการได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ การลงนามตกลงร่วมกันถือเป็นจุดเริ่มต้นของการนำไปสู่การบริหารจัดการฐานข้อมูลทั้งในส่วนของ BigData และ Digital Transformation อันเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในการติดต่อกับหน่วยงานภาครัฐให้ได้รับความสะดวกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศให้ก้าวเข้าสู่ Digital Economy
นายปริญญา ยมะสมิต ผู้ว่าการการประปานครหลวง (กปน.) กล่าวว่า ในการสนับสนุนให้เกิดผู้ประกอบการรายย่อยใหม่นั้น กปน.มีความมั่นใจในความสามารถของการให้บริการน้ำประปาที่สะอาดปลอดภัยได้ทั่วถึงทุกราย และด้วยการนำเทคโนโลยีสารสนเทศสมัยใหม่มาสนับสนุนการปฏิบัติงานของ กปน. จะทำให้ผู้ประกอบการรายใหม่ได้รับข้อมูลข่าวสารอย่างถูกต้องรวดเร็วตลอด 24 ชั่วโมง
นายสมชาย มนต์บุรีนนท์ รองผู้ว่าการ (วิชาการ) รักษาการแทนผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) กล่าวว่า กปภ.มีภารกิจในการสำรวจและวางท่อประปาเพื่อให้บริการน้ำสะอาดที่ได้มาตรฐานแก่ประชาชนใน 74 จังหวัดทั่วประเทศ (ยกเว้นกรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ) ซึ่งมี กปภ.สาขากระจายอยู่ทั่วประเทศถึง 234 สาขา ดังนั้น ระบบฐานข้อมูลของลูกค้าที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบันจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง การลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกับ ธพว.ในการประสานความร่วมมือสนับสนุนการดำเนินงานเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกัน โดยเฉพาะข้อมูลรายบุคคลจากฐานข้อมูลลูกค้าของ กปภ. และ ธพว.ที่ทำธุรกรรมและให้ความยินยอมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของ กปภ. จะทำให้ประชาชนได้รับความสะดวกรวดเร็วในการรับบริการมากยิ่งขึ้น
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการ สคร. กล่าวสรุปว่า การลงนาม MOU ของ สคร. กับรัฐวิสาหกิจในวันนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการบูรณาการฐานข้อมูลของรัฐวิสาหกิจผ่าน BigData และ Digital Transformation เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการจัดการฐานข้อมูลภาครัฐ ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่ประชาชนและขับเคลื่อนให้เป็นรัฐวิสาหกิจ 4.0 ต่อไป
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *