1. ตัวผลิตภัณฑ์
จุดขายสินค้าเป็นสิ่งสำคัญและเป็นสิ่งแรกที่ SME ต้องรู้ เพื่อสามารถวางตำแหน่งสินค้าในตลาดได้ถูกต้อง
2. กลุ่มลูกค้า
การจะขายสินค้าเราต้องรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายคือใคร เหมาะกับช่องทางประเภทไหน เพื่อสร้างโอกาสในการเพิ่มยอดขายสินค้าได้มากขึ้น
3. ฉลากสินค้า
ลูกค้าส่วนใหญ่พิจารณาสินค้าจากการดูฉลาก ดังนั้นข้อมูลในฉลากสินค้าจะต้องมีคุณสมบัติสินค้าครบถ้วน พิมพ์ชัดเจน และ อ่านเข้าใจง่าย
4. มาตรฐานสินค้า
เครื่องหมายรับรองมาตรฐาน เช่น อย. มอก. จีเอ็มพี ไอเอสโอ ฮาลาล เป็นประโยชน์ต่อผู้ผลิต ช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน สร้างความน่าเชื่อถือ และ ความได้เปรียบทางการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
5. บรรจุภัณฑ์
การออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความโดดเด่น หรือ แตกต่างจากคู่แข่ง จะทำให้สินค้าเป็นที่สะดุดตาได้ง่าย เมื่อวางบนชั้นจำหน่ายสินค้า
6. นวัตกรรม
ปัจจุบันคู่แข่งสินค้าในตลาดมีมากขึ้น หาก SME สามารถนำนวัตกรรมมาช่วยเพิ่ม มูลค่าให้สินค้า จะช่วยสร้างความโดดเด่นและสร้างมูลค่าให้สินค้าได้
7. บาร์โค้ด
ช่องทางจำหน่ายหลายแห่งนิยมสินค้าที่มี Barcode เพราะง่ายต่อการเช็คสถานะสินค้า โดยเฉพาะช่องทางค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ หากสินค้ามี Barcode จะทำให้สามารถเข้าจำหน่ายได้เร็วขึ้น
8. อายุสินค้า
สินค้าแต่ละประเภท มีอายุสินค้าที่แตกต่างกัน การเลือกช่องทางจัดจำหน่าย ก็ควรเลือกให้เหมาะสมกับอายุสินค้าของตัวเอง เช่น การขายสินค้าไปต่างประเทศ อายุสินค้าไม่ควรต่ำกว่า 1 ปี หรือ การขายสินค้าผ่านช่องทางค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ ถ้าไม่ใช่ของสด อายุสินค้าไม่ควรต่ำกว่า 3-6 เดือน
9. รู้จักช่องทางจัดจำหน่าย
SME จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้จักช่องทางจำหน่ายที่สนใจเข้าไปขาย เพื่อเตรียมความพร้อม และเพิ่มโอกาสที่จะพิชิตใจช่องทางนั้นๆ
10. แผนการตลาด
ในการนำเสนอสินค้าควรมีแผนการตลาดที่ชัดเจน เช่น การประชาสัมพันธ์ โปรโมทสินค้า โปรโมชั่นต่างๆ หากได้รับพิจารณาในการขายสินค้าทันที
ที่มา : K SME
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *