ต้อนรับเทศกาลปีใหม่ หลายคนมองหาของขวัญ และหนึ่งในของขวัญที่หลายคนให้ความสนใจ นั่นคือ “ข้าว” การมอบข้าวสารเป็นของขวัญ ตามความเชื่อของคนโบราณ คือ การมีข้าวปลาอาหารกินตลอดทั้งปี ไม่อดยาก ประกอบกับปัญหาราคาข้าวตกต่ำที่ผ่านมา รัฐบาลส่งเสริมให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้นำข้าวออกมาจำหน่ายเอง โดยทำบรรจุภัณฑ์ใหม่ สร้างมูลค่าเพิ่ม ในรูปแบบของขวัญของฝาก ช่วงเทศกาลปีใหม่ด้วย
สำหรับข้าวสารที่ ถูกจัดเป็นของขวัญปีใหม่ นั้น ได้มีมาประมาณ 2-3 ปีก่อนหน้านี้ โดยชาวนาบางส่วน นำข้าวที่ปลูกมาสร้างมูลค่าเพิ่ม ในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการทำข้าวฮาง ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอรี่ และยังรวมไปถึงการนำข้าวมาย้อมสีด้วยสมุนไพร เพื่อเพิ่มคุณค่าและสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายลงไปในข้าว
ทั้งนี้ “อารมณ์ดีฟาร์ม” เป็นหนึึ่งในเกษตรกรที่ได้นำแนวคิด การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับข้าว และจัดทำเป็นของขวัญเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา โดยข้าวที่สร้างชื่อให้กับ “อารมณ์ดีฟาร์ม” คือ ข้าวฮาง และข้าวย้อมสีสมุนไพร และด้วยคุณค่าทางอาหารที่เพิ่มขึ้นในข้าว ทำให้ “อารมณ์ดีฟาร์ม” ประสบความสำเร็จอย่างมาก ในการนำข้าวมาแพคเป็นของขวัญปีใหม่ ตั้งแต่ปีแรกที่นำออกจำหน่าย
นายนรพล วงศ์เอี่ยมสิริ เจ้าของ บริษัท อารมณ์ดีฟาร์ม จำกัด เล่าว่า ที่มาของอารมณ์ดีฟาร์ม มาจากครอบครัวของภรรยา คือ “ณัฎฐ์นรี” เป็นชาวนาปลูกข้าวมะลิ อยู่ที่จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งเมื่อ 3 ปีก่อนหน้านี้ เจอปัญหาราคาข้าวที่ตกต่ำ เธออยากช่วยครอบครัว ขายข้าว เพื่อให้ได้ราคามากขึ้น เพราะรู้สึกว่า กว่าจะปลูกข้าวมาได้เป็นความยากลำบาก แต่พอขายกลับขายได้ในราคาที่ไม่คุ้มกับค่าเหนื่อย ซึ่งในช่วงนั้น ภรรยาเปิดร้านถ่ายรูป และมีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ จากการที่ได้เรียนมา เธอจึงนำความรู้ ทั้งด้านการถ่ายภาพ และความรู้จากอินเตอร์เน็ต มาพัฒนาช่องทางการขายใหม่
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีช่องทางการขายใหม่ แต่ข้าวยังเหมือนกับข้าวที่ไม่ต่างจากข้าวที่ขายตามท้องตลาด โอกาสที่จะอัพราคาเพิ่ม เป็นไปได้ยาก ดังนั้น การที่จะทำให้ราคาข้าวสูงกว่าข้าวที่ขายอยู่ทั่วไป จะต้องสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งที่ผ่านมาครอบครัวของตนเอง มักจะทำข้าวฮาง หรือ ข้าวกล้องเพาะงอกกินกันเองในครอบครัว ตนเองเลยลองนำข้าวฮางมาจำหน่าย ซึ่งเมื่อ 3 ปีก่อนหน้านี้ ช่วงนั้น ข้าวฮางเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น และได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มคนรักสุขภาพ ด้วยคุณสมบัติ คือ มีสารอาหารที่เรียกว่า กาบา ช่วยเรื่องความเครียด ทำให้คนที่กินข้าวชนิดนี้อารมณ์ดี จึงได้เป็นที่มาของอารมณ์ดีฟาร์ม"
ทั้งนี้ จุดเริ่มต้นที่ทำให้คนรู้จัก ก็มาจากการที่เรานำข้าวฮางมาร่วมออกบูทในงานสมุนไพรไทย ครั้งที่ 13 ที่เมืองทองธานี ได้รับการตอบรับดีมาก และทำให้เราแจ้งเกิดในครั้งนั้นเลยทีเดียว เพราะหลังจากเลิกงานก็ยังมีลูกค้าที่รู้จักในงาน ยังคงสั่งซื้อข้าวฮางไปกินอย่างต่อเนื่อง มาจนถึงปัจจุบัน
นอกจากข้าวฮาง ที่เป็นจุดเริ่มต้น ยังมีข้าวย้อมสีสมุนไพร ขายควบคู่ไปด้วย ซึ่งทั้งข้าวฮาง และข้าวย้อมสีสมุนไพร มีราคาที่สูงกว่าข้าวปกติ 2 - 3 เท่า ทำให้การที่จะขายธรรมดา ก็คงไม่ได้ จึงได้เป็นที่มาของการออกแบบบรรจุภัณฑ์ ในรูปแบบ "ของขวัญ ของฝาก" โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ เราได้รับการตอบรับดีมาก และเป็นที่มาของ "กระเช้าของขวัญข้าวปีใหม่" ในเวลาต่อมา เพราะลูกค้ารู้ว่า เราไม่ได้มีแค่ข้าว แต่เรามีบรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม และ ยังมีผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากข้าว อีกถึง 13 ชนิด เช่น โจ๊กข้าวกล้อง ข้าวกล้องผงชงพร้อมดื่ม และ เครื่องดื่ม โกโก้ กาแฟ ผสมข้าว เป็นต้น ดังนั้น การจัดกระเช้าจึงตอบโจทย์ลูกค้าด้วยสินค้าที่หลากหลาย
ดังนั้น ทุกๆปี ก็จะมีลูกค้ามาสั่งกระเช้าข้าว และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าวเพิ่มขึ้นตลอด โดยเฉพาะในปีใหม่ 2560 เป็นปีที่ยอดการสั่งกระเช้ามากเป็นพิเศษ โดยมีการสั่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่าเท่าตัว ซึ่งในปีใหม่ พ.ศ.2560 นี้ เรามียอดการสั่งซื้อกระเช้าเพิ่มถึงกว่า 200 กระเช้า และในส่วนของข้าวแพคถุงที่ไม่ได้จัดกระเช้า ปีนี้มียอดการสั่งซื้อเพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาถึง 50% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแนวคิดที่รัฐบาลต้องการจะช่วยเหลือชาวนา ในการเพิ่มมูลค่าข้าวให้สูงขึ้น ด้วยการส่งเสริมให้คนไทยหันมามอบข้าวเป็นของขวัญปีใหม่ ช่วยเหลือชาวนา ที่สำคัญ การมอบข้าว ก็ถือว่า เป็นของมงคล ที่นิยมนำไปมอบให้กัน
สำหรับราคาข้าวของ "อารมณดีฟาร์ม" เป็นข้าวถุงน้ำหนัก 1 กิโลกรัม ในถุงสูญญากาศ มี 2 ราคา 100 บาท ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ 105 และ ราคา 150 บาท ได้แก่ ข้าวฮาง ข้าวกล้อง และข้าวเหนียวลืมผัว เป็นต้น
ส่วนราคากระเช้า มีตั้งแต่ 500 บาท ไปจนถึง 2,500 บาท ขึ้นอยู่กับว่าลูกค้าต้องการสินค้าอะไร เพื่อใส่ในกระเช้า โดยลูกค้ากระเช้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่ม บริษัท ห้างร้าน และหน่วยงานภาครัฐ
"นรพล" เล่าว่า นอกจากช่องทางการขายช่วงเทศกาลแล้ว ในช่วงเวลาปกติ นอกจากขายผ่านช่องทางออนไลน์แล้ว จะมีช่องทางขายหลัก คือ ส่งให้ร้านโครงการส่วนพระองค์พระตำหนัก 904 และ ส่งขายห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ และร้านท็อป ซุปเปอร์มาร์เก็ต
ส่วนที่มาของข้าว มาจาก 2 ช่องทาง คือ รับซื้อจากชาวนาในพื้นที่ ที่เข้าร่วมเครือข่ายการผลิตข้าวออร์แกนิค และบางส่วนก็เป็นข้าวที่ปลูกเอง จำนวน 20-30 ไร่ แต่ละปี จะต้องใช้ข้าวจำนวน 50 ตัน แบ่งเป็นส่วนนำแปรรูป 50 % ซึ่งในส่วนของการแปรรูปมีโรงงานของเราเอง เดิมเป็นวิสาหกิจชุมชน แต่ปัจจุบันได้ะยกระดับและแยกตัวออกมาเป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี
โทร. 08-9188-5904
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *