ครม.ไฟเขียว 4 มาตรการดูแลผู้สูงอายุ ได้แก่ มาตรการภาษีจูงใจเอกชนจ้างงานผู้สูงอายุ สร้างที่อยู่อาศัย กองทุนออมเงินปูทางอนาคตมั่นคง และสินเชื่อซื้อบ้าน
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการดูแลผู้สูงอายุ เพื่อสร้างงานให้แก่ผู้สูงอายุ การสร้างความมั่นคงทางรายได้ และการมีที่อยู่อาศัย ผ่าน 4 มาตรการ ได้แก่ 1. กำหนดให้บริษัทเอกชน องค์กรนิติบุคคล นำค่าใช้จ่ายสำหรับค่าจ้าง เงินเดือนจ้างผู้สูงอายุทำงาน หักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า โดยนำรายได้หักไม่เกิน 15,000 บาทต่อเดือน และต้องหักค่าใช้จ่ายไม่เกินร้อยละ 10 ของลูกจ้างทั้งหมด โดยคาดว่าลูกจ้างที่มีอายุมากกว่า 60 ปี มีมากกว่า 94,000 คน
2. การสร้างที่อยู่อาศัยผู้สูงอายุ ผ่านโครงการใช้ที่ราชพัสดุมาใช้สร้างที่อยู่อาศัย 4 พื้นที่ ได้แก่ จังหวัดชลบุรี ใช้พื้นที่ 50 ไร่ นครนายก 14 ไร่ เชียงใหม่ 7.5 ไร่ เชียงราย 64 ไร่ โครงการดังกล่าวจะเป็นรูปแบบคอมเพล็กซ์ดูแลผู้สูงอายุ มีกิจกรรมดูแลการอยู่รวมกับและช่วยเหลือสังคม กำหนดให้บุตรหลานผู้ดูแลบิดา มารดา ได้สิทธิ์จองเป็นอันดับแรก อัตราค่าเช่าพักอาศัย 1 บาทต่อตารางวาต่อปี รวมค่าธรรมเนียมประมาณ 24 บาทต่อตารางวา ระยะเวลาเช่าระยะเวลา 30 ปี ต่ออายุได้อีก 30 ปี รวมเป็น 60 ปี โดยมอบหมายให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และธนาคารออมสิน ปล่อยสินเชื่อสำหรับการสร้างโครงการกับผู้ประกอบการวงเงิน 4,000 ล้านบาท และร่วมปล่อยสินเชื่อให้กับรายย่อยเพื่อซื้อบ้านคนชราเพื่ออยู่อาศัย นอกจากนี้ เห็นชอบให้ตั้งบรรษัทประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการขอสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ในระบบรองรับการดูแลผู้สูงอายุ
3. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ พ.ศ. … เนื่องจากไทยมีสัดส่วนผู้สูงอายุร้อยละ 14 ของประชากรทั้งประเทศ และจะกลายเป็นประเทศสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์มีผู้สูงอายุร้อยละ 20 ของประชากรในปี 2568 จึงต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน โดยเฉพาะการจัดสรรสวัสดิการ เนื่องจากผู้มีรายได้สูงจะซื้อกองทุน LTF, RMF แรงงานระดับกลางบางส่วนที่เป็นลูกจ้าง พนักงานบางส่วนไม่มีกองทุนดูแลเพื่อออมเงินระยะยาว ส่วนแรงงานระดับล่างมี กอช.ดูแล จึงต้องตั้งกองทุนบำนาญแห่งชาติ (กบช.) มาปิดช่องดังกล่าวให้ครอบคลุมหมดทุกกลุ่ม ทั้งส่วนราชการ องค์การมหาชน บริษัทรับการส่งเสริมการลงทุน บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หรือกิจการอื่น คาดว่าจะมีแรงานเข้าเป็นสมาชิก 11.37 ล้านคน ส่งเงินสมทบเข้า กบช.ซึ่งจะทำให้มีรายได้เงินออมก่อนเกษียณอายุทำงาน 60 ปี ประมาณร้อยละ 50 จากปัจจุบันมีสัดส่วนร้อยละ 19 ของแรงงานทั้งหมด
และ 4. การดำเนินโครงการสินเชื่อบ้านสำหรับผู้สูงอายุ (Reverse Mortgage) มอบหมายให้ธนาคารออมสินและ ธอส.ปล่อยสินเชื่อกับสำหรับผู้สูงอายุเกินกว่า 60 ปี โดยนำบ้านปลอดภาระหนี้มาขอสินเชื่อธนาคาร จากนั้นธนาคารจะให้เงินกับผู้กู้เป็นรายเดือนจนกว่าจะเสียชีวิต รวมถึงผู้กู้เงินดังกล่าวยังอาศัยในบ้าน รวมทั้งสามีภรรยา หากใครเสียชีวิตคู่สมรสยังอาศัยต่อไปได้จนกว่าจะเสียชีวิต และหากเสียชีวิตแล้วมูลค่าสินทรัพย์มากกว่าเงินกู้ ส่วนต่างจะตกเป็นของทายาท และเปิดโอกาสให้ทายาทมาไถ่ถอนบ้านคืนได้ แต่หากไม่มีทายาททรัพย์สินจะตกเป็นของธนาคารที่นำไปขายทอดตลาด เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับผู้สูงอายุ
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *