รมว.กระทรวงอุตสาหกรรม เผยทิศทางของอุตสาหกรรมไทยในภูมิภาคตะวันตกสดใส รับอานิสงส์จากการเติบโตของทางเศรษฐกิจประเทศพม่า ชี้ 5 อุตสาหกรรมภาคตะวันตกที่พม่าต้องการ ก่อสร้าง-อาหารแปรรูป-เครื่องใช้ไฟฟ้า-การเกษตร-เครื่องสำอาง ด้านกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมเตรียมผลักดัน SME ไทยเป็นศูนย์กลางฐานการผลิตรองรับ
ดร.อรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ (พม่า) ถือเป็นประเทศที่น่าลงทุนมากที่สุด ในภูมิภาคอาเซียน เนื่องด้วยการเติบโตของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP ในปีที่ผ่านมากว่าร้อยละ 7.8 รวมถึงพื้นที่ของประเทศที่ยังมีทรัพยากรจำนวนมาก การคมนาคมที่สะดวกต่อการขนส่งในเขตชายแดน ประกอบกับนโยบายการพัฒนาประเทศและอัตราการเพิ่มขึ้นของประชากร จึงทำให้ความต้องการสินค้ามากขึ้น ทำให้ประเทศไทยได้รับอานิสงส์จากความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น
สำหรับประเทศไทยมีพื้นที่ซึ่งติดกับพม่าในภูมิภาคตะวันตก ที่ผ่านมามีอุตสาหกรรมในภาคดังกล่าวรองรับ และเป็นปัจจัยที่เอื้ออำนวยและได้เปรียบกว่าประเทศคู่แข่งอื่น ประกอบกับการมีแหล่งทรัพยากรและระบบการคมนาคมขนส่งเป็นหัวใจหลัก ซึ่งในอนาคตจะส่งผลดีต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศและเป็นเส้นทางสู่การลงทุน อีกทั้งยังสามารถพัฒนาสู่การเป็นฐานการผลิตหลักที่มีศักยภาพรองรับผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึง
ด้านนายพรเทพ การศัพท์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปัจจุบันภาคตะวันตกมีจำนวน SMEs มากกว่า 230,000 กิจการ (ที่มา สสว.) ในจำนวนนี้มีอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตและเป็นที่ต้องการในเมียนมาร์ทั้งหมด 5 อุตสาหกรรม ประกอบด้วย 1. อุตสาหกรรมเพื่อการก่อสร้างและสาธารณูปโภค 2. อุตสาหกรรมอาหารแปรรูป 3. อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า 4. อุตสาหกรรมเพื่อการเกษตร และ 5. อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง ซึ่งเป็นสินค้าที่มีการเติบโตเป็นจำนวนมากในภูมิภาคตะวันตก และได้รับการยอมรับในพม่าด้านคุณภาพ
โดยตลอดระยะเวลา 10 ปี ไทยมีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นทุกปี และในปีที่ผ่านมา (2558) ไทยมีมูลค่าส่งออกไปยังพม่าได้กว่า 1 แสนล้านบาท (กรมการค้าต่างประเทศ) จากจำนวนประชากรของพม่าในปัจจุบันที่มีมากกว่า 60 ล้านคน ถือเป็นสัญญาณทางการค้าที่ดีที่จะช่วยให้ช่องทางในการส่งออกสินค้า มีการขยายตัวไปในตลาดใหม่ๆ นอกเหนือจากตลาดเดิม และถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ต้องผลักดันเพื่อให้เกิดยอดขายที่เพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ดี กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมมีความเชื่อมั่นว่า กลุ่ม SMEs ในภาคตะวันตกจะสามารถพัฒนาเป็นศูนย์กลางและฐานการผลิตเพื่อรองรับและมีส่วนเอื้อให้สามารถขยายการส่งออกสินค้าจาก 5 อุตสาหกรรมดังกล่าวในตลาดเมียนมาร์ได้เพิ่มขึ้น ด้วยการใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบที่มีในภูมิภาค ทั้งทรัพยากรที่เพียบพร้อมศักยภาพและกำลังในการผลิตที่เข้มแข็ง และการดึงประโยชน์จากการเป็นเขตติดต่อชายแดนในการขนส่งสินค้านำมาพัฒนาเพื่อการส่งออก และมุ่งขยายสู่การลงทุนต่อไปได้ในอนาคตอันใกล้
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *