จากโรงงานเล็กๆ ผลิตสำลีพันก้านใน จ.ชลบุรี เมื่อธุรกิจเติบโตขึ้นจากการรับจ้างผลิต ตัดสินใจย้ายฐานมุ่งหน้าสู่แดนอีสาน จากความได้เปรียบในเรื่องแรงงาน ต้นทุนการผลิต ส่งผลให้วันนี้ “บริษัท เพิ่มพูนพัฒนา อุตสาหกรรม จำกัด” กลายเป็น OEM รายใหญ่ของประเทศที่ผลิตสำลีพันก้าน สำลีแผ่น สำลีก้อน
ไม่น่าเชื่อว่าประเทศไทยเราจะเป็นผู้ผลิตสำลีก้าน และผลิตภัณฑ์จากสำลี รายใหญ่อันดับต้นๆ ในเอเชีย โดย “นายวีรเสน เพชรแท้” ผู้จัดการโรงงาน บริษัท เพิ่มพูนพัฒนาอุตสาหกรรม จำกัด ได้ย้อนที่มาของธุรกิจให้ฟังว่า โรงงานนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2537 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นธุรกิจขนาดเล็กใน จ.ชลบุรี ผลิตสำลีพันก้าน หรือที่รู้จักกันดีว่า คอตตอน บัด (Cotton Bud) เน้นการรับจ้างผลิตสินค้าให้แบรนด์ต่างๆ ตามแบบที่ลูกค้าต้องการ (OEM) ได้แก่ สำลีก้าน สำลีแผ่น สำลีก้อน โดยเป็นโรงงานสัญชาติไทย 100%
ต่อมาเมื่อยอดสั่งผลิตเพิ่มมากขึ้น จึงย้ายฐานการผลิตไปที่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น เมื่อปี 2539 ด้วยทุนทะเบียน 6 ล้านบาท บนเนื้อที่โรงงานกว่า 10 ไร่ เพื่อรองรับกำลังการผลิตได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้ปัจจุบันสัดส่วนการผลิตแบบ OEM ให้กับกลุ่มลูกค้าต่างประเทศมีประมาณ 60% และกลุ่มลูกค้าในประเทศอีก 40% โดยตลาดหลักคือ ทวีปอเมริกาเหนือ สหภาพยุโรป และเอเชีย
“เราเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ประเภทสำลีตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยกระบวนการผลิตสำลีก้านแยกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆได้แก่ การผลิตก้านและการผลิตสำลี จากนั้นจึงนำมาประกอบกันเป็นสำลีก้านด้วยการใช้วัตถุดิบ คือ นำฝ้ายมาฟอกขาว จากนั้นจึงสางเป็นเส้นและนำมาพันหัวสำลี และยังมีกระบวนการผลิตฉีดพลาสติกเพื่อใช้ทำก้านสำลี จนกระทั่งถึงปลายน้ำโดยการทำบรรจุภัณฑ์สินค้าเอง”
นอกจากการเป็นผู้รับจ้างผลิตแล้ว ทาง บ.เพิ่มพูนพัฒนาอุตสาหกรรม ยังสร้างแบรนด์ของตัวเองด้วย ได้แก่ แบรนด์โบนัส สามพยาบาล และริอิ ซึ่งมีการจับกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันไป โดยเริ่มทำมาได้ประมาณ 2 ปีแล้ว ขณะที่แบรนด์รับจ้างผลิต จะถูกกระจายไปทั่วโลก ซึ่งความได้เปรียบของไทย คือ เรื่องค่าแรงงานที่ไม่สูงเกินไปนัก เมื่อเทียบกับการผลิตในยุโรปและอเมริกา เนื่องจากขั้นตอรการผลิตส่วนใหญ่ยังเป็นแรงงานคน รวมถึงศักยภาพของบริษัทฯ ที่สามารถผลิตได้ตามที่ลูกค้ากำหนด ไม่ว่าจะเป็นจำนวนก้านสำลีต่อ 1 แพคเกจ, สีของก้านพลาสติก, วัสดุสำหรับทำก้าน รวมถึงยังสามารถผลิตถุงและกล่องพลาสติกใส ซึ่งเป็นบรรจุภัณฑ์ที่สำคัญสำหรับผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ได้อีกด้วย
จุดเด่นของสำลี ที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญมาโดยตลอด คือ เรื่องมาตรฐานสินค้า โดยหัวสำลีต้องมีขนาดเท่ากันทุกก้าน ใช้แล้วหัวไม่หลุด ก้านมีความแข็งแรง และที่สำคัญที่สุดคือ มีความขาวสะอาด นอกจากนั้นการผลิตยังต้องคำนึงถึงเงื่อนไขของสินค้าที่ส่งไปยังภูมิภาคต่างๆ ซึ่งมีความแตกต่างกัน เช่น สหรัฐอเมริกาจะนิยมใช้สำลีที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางของหัวใหญ่กว่าทางฝั่งยุโรปและเอเชีย เป็นต้น ดังนั้นมาตรฐานจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้สินค้ามีคุณภาพมากที่สุด นอกจากนี้ยังรองรับรูปแบบการผลิตที่ลูกค้าต้องการได้ทุกแบบ จากการปรับเครื่องจักรให้สอดรับได้
การครองตลาดมานานกว่า 20 ปี บางครั้งในเรื่องเทคโนโลยีการผลิตอาจจะไม่ได้รับการพัฒนาเป็นเวลานาน ทั้งๆ ที่หากผู้ประกอบการใส่ใจสักนิด ก็จะสามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตได้ ดังนั้น “สถาบันเพิ่มผลิตแห่งชาติ” จึงได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการนำ Productivity มาใช้ปรับปรุงงาน โดยนำมาปรับแผนก QCC ที่แผนกฉีดก้าน และจุดปรับปรุงงาน Kaizen ที่แผนกสำลีก้าน รวมถึงร่วมทำกิจกรรมสร้างนักส่งเสริมการเพิ่มผลิตภาพที่จะเป็นผู้ขยายผลต่อไป ทำให้ช่วยลดต้นทุนการผลิตลงมาได้กว่า 100,000 บาท/ปี
ปัจจุบันบริษัทฯ มียอดขายประมาณ 500 ล้านบาท/ปี (รวมสำลีทุกประเภท) อัตราการเติบโตประมาณ 15% ทุกปี แต่เมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมาประสบปัญหาเรื่องอัตราการแลกเปลี่ยนค่าเงิน ส่งผลให้กำไรลดลน้อยลง แต่ก็ใช้วิธีหาตลาดใหม่ ซึ่งประเทศฟิลิปปินส์ ก็ถือเป็นตลาดใหม่ที่ลูกค้าให้การตอบรับดีไม่น้อย อย่างไรก็ตามผู้จัดการโรงงานเพิ่มพูนพัฒนาอุตสาหกรรม ตั้งเป้ายอดขายในปีนี้เติบโตประมาณ 10% จากสภาวะเศรษฐทั่วโลกที่ถดถอย
***สนใจติดต่อ 0-2539-8794-5 หรือที่ www.pppi.co.th***
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย! * * *