เมื่อวิถีคนเมืองเปลี่ยน ทำให้ภาคธุรกิจต้องปรับตัวให้สอดคล้อง อย่าง “แฮปปี้เฟรช” (Happy Fresh) บริการทางเลือกในการซื้อสินค้าที่จำหน่ายในซูเปอร์มาร์เกต ทั้งอาหารสด และสินค้าอุปโภคต่างๆ สั่งซื้อผ่านมือถือ รับประกันส่งสินค้าถึงมือภายใน 1 ชั่วโมง กลายเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ตอบโจทย์คนเมืองได้ตรงจุด
การเข้ามาของบริษัทที่ประสบความสำเร็จจากต่างประเทศ บางครั้งเมื่อถูกนำมาปรับและพัฒนาอีกนิดก็กลายเป็นธุรกิจที่น่าสนใจได้ เช่นเดียวกับ “แฮปปี้เฟรช” ที่เข้ามาเปิดตัวในไทยเมื่อเดือนกันยายน 58 ที่ผ่านมา ภายใต้การบริหารของ “ศิริภา จึงสวัสดิ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท แฮปปี้เฟรช (ประเทศไทย) จำกัด
เธอย้อนที่มาของการเปิดตัวธุรกิจแฮปปี้เฟรชว่า ก่อตั้งเมื่อเดือนตุลาคม 2557 โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเปิดให้บริการครั้งแรกที่ประเทศอินโดนีเซีย และมาเลเซียเมื่อเดือนมีนาคม 2558 ที่ผ่านมา ขณะที่ในประเทศไทยได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเดือนกันยายน 2558 โดยเป็นพันธมิตรกับซูเปอร์มาร์เกต 4 แห่ง ได้แก่ “กรูเม่ต์ มาร์เก็ต” , “โฮมเฟรชมาร์ท” เครือเดอะมอลล์ กรุ๊ป, “Get It” ของห้างตั้งฮั่วเส็ง และ “บิ๊กซี ซูเปอร์มาร์เก็ต”
แฮปปี้เฟรช คือบริการทางเลือกในการซื้อสินค้าทั้งอาหารสดและของใช้ต่างๆ ภายในซูเปอร์มาร์เกตชั้นนำผ่านทางแอปพลิเคชันทั้งระบบแอนดรอยด์ (Android) และไอโอเอส (iOS) รวมถึงยังใช้บริการได้บนเว็บไซต์อีกด้วย พร้อมบริการส่งสินค้าถึงมือลูกค้าอย่างรวดเร็วภายในชั่วโมงถัดไป
“โมเดลธุรกิจนี้มีที่สหรัฐฯ เป็นแห่งแรก และประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยมีการนำมาปรับให้เข้าประเทศไทยหลังพบว่าธุรกิจนี้สามารถตอบโจทย์ผู้คน ทั้งในเรื่องการประหยัดทรัพยากร และประหยัดเวลาในการใช้ชีวิตอยู่ในเมือง ขณะที่ประเทศไทยก็มีความน่าสนใจในการลงทุน ไม่ว่าจะเป็น 1. การเดินทางที่ค่อนข้างลำบากจากปัญหารถติด ซึ่งบริการดังกล่าวมีโอกาสเติบโตได้ 2. จำนวนประชากรในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีจำนวนมาก และ 3. ประเทศไทยผู้คนส่วนใหญ่ใช้สมาร์ทโฟนในชีวิตประจำวัน แต่ขณะเดียวกันภาคธุรกิจอีคอมเมิร์ซยังไม่เติบโตมากนัก โดยคาดการณ์ว่าในอีก 3-5 ปีจะโตแบบก้าวกระโดด ซึ่งถือเป็นช่วงจังหวะเวลาที่ดีในการเริ่มต้นธุรกิจนี้ในประเทศไทย”
ล่าสุดบริการแฮปปี้ เฟรช สามารถให้บริการครอบคลุมในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้ถึง 95% แล้ว ยกเว้นพื้นที่ในเขตหนองจอก และมีนบุรี เนื่องจากสภาพการจราจรไม่ติดขัดมากนัก ซึ่งแฮปปี้เฟรชให้บริการเริ่มจากกรุงเทพฯ ชั้นใน แล้วจึงขยายออกไปรอบนอก โดยเน้นคุณภาพด้านการบริการลูกค้าเป็นสำคัญ
ขณะที่ความโดดเด่นในการให้บริการนั้น ศิริภาบอกว่า ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าในซูเปอร์มาร์เกตได้ทั้งหมดที่มีกว่า 10,000-20,000 รายการ ชำระเงินปลายทาง หรือตัดบัตรเครดิต โดยสินค้าทุกชิ้นการันตีด้วยคุณภาพ เพราะจะมีพนักงาน (Personal Shopper) ของแฮปปี้เฟรชลงพื้นที่ประจำตามซูเปอร์มาร์เกตเพื่อเตรียมชอปของให้ลูกค้า และจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกค้าเท่านั้น โดยพนักงานเหล่านี้จะได้รับเทรนด์ และถูกฝึกการเลือกสินค้าทั้งของสดและของแห้งมาเป็นอย่างดี ซึ่งหากไม่พอใจในสินค้าสามารถคืนสินค้าชิ้นนั้นๆ ได้ โดยการจัดส่งจะใช้รถจักรยานยนต์ที่มีกล่องเก็บอุณหภูมิเพื่อรักษาความสดใหม่ให้ลูกค้าได้ตลอดเวลา
ปัจจุบันแฮปปี้เฟรชมีลูกค้ากว่า 100,000 ราย (กทม./ปริมณฑล) เป็นกลุ่มคุณแม่มือใหม่ที่มีลูกเล็กและไม่มีเวลาจับจ่ายซื้อสินค้า, คนรุ่นใหม่ทั้งชายและหญิง, นักธุรกิจที่ค่อนข้างยุ่ง, ชาวต่างชาติที่มีปัญหาในเรื่องของภาษาไทย ซึ่งแอปพลิเคชันจะช่วยได้ ส่วนใหญ่จะซื้อวัตถุดิบไปปรุงอาหาร, คนทำงานออฟฟิศ และผู้ที่สั่งซื้อสินค้าให้คนที่รัก เช่น พ่อแม่ ผู้สูงอายุ เป็นต้น โดยรับประกันส่งภายใน 1 ชั่วโมงหลังจากการสั่งซื้อ หรือกำหนดเวลาที่ต้องการให้จัดส่งตามที่ต้องการ
“เราต้องการให้ผู้คนได้รู้จักและลองใช้บริการแฮปปี้เฟรชก่อน เพราะหากได้ลองใช้แล้วจะชื่นชอบ จากการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ตรงจุดเหมาะกับวิถีคนเมือง ดังนั้นเราจึงทำโปรโมชัน 'ฟรีค่าจัดส่ง' ในการสั่งซื้อครั้งแรก ส่วนครั้งต่อไปอยู่ที่ 60 บาท/ครั้งเท่านั้น โดยไม่กำหนดวงเงินการสั่งซื้อขั้นต่ำ ลูกค้าสั่งซื้อได้ตามเวลาเปิด-ปิด ของห้างสรรพสินค้า หรือซูเปอร์มาร์เกต”
ต่อไปไม่เพียงแต่สินค้าในซูเปอร์มาร์เกตเท่านั้นที่ลูกค้าจะสั่งซื้อได้ เพราะทางแฮปปี้ เฟรชเตรียมจับมือกับร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าคุณภาพ หรือร้านชื่อดัง เสิร์ฟให้ถึงบ้าน เช่น ร้านไอศกรีม ของคุณ พล ตัณฑเสถียร, ร้านจำหน่ายสินค้าออร์แกนิก , ร้านผลไม้นำเข้าจากต่างประเทศ รวมถึงยังเปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจ SMEs นำสินค้ามานำเสนอเพื่อคัดเลือกเข้าร่วมธุรกิจกับแฮปปี้เฟรชด้วย เชื่อว่าจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ช่วย SMEs ขยายตลาดได้เป็นอย่างดี
ส่วนแผนการขยายธุรกิจ ศิริภาบอกว่า จะทำให้บริการครอบคลุม 100% ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ขณะที่แผนขยายธุรกิจไปต่างจังหวัดจะเกิดขึ้นแน่นอน แต่ยังไม่ใช่เร็วๆ นี้ เพราะก็มีโอกาสเติบโตได้เช่นกัน โดยมองไปที่หัวเมืองใหญ่ มีนักท่องเที่ยว และภาคธุรกิจอยู่หนาแน่น
ตราบใดที่วิถีคนเมืองยังอยู่บนพื้นฐานของความเร่งรีบ “แฮปปี้เฟรช” ก็คงต้องหมุนตามพลวัต จากความเชื่อที่ว่าธุรกิจนี้เป็นสิ่งที่เข้ามา 'เปลี่ยนชีวิตคน'
***สนใจติดต่อ 09-1903-5444 หรือที่ www.happyfresh.co.th***
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *
