“เอสเอ็มอีแบงก์” จุดพลุโครงการ “สินเชื่อ SMEs บัญชีเดียว” ให้สิทธิ SMEs ยื่นบัญชีเดียวต่อสรรพากร ตรวจภาษีย้อน แถมขอสินเชื่ออัตราพิเศษ วงเงินไม่เกินรายละ 5 ล้านบาท ดอกเบี้ย 5% ในปีแรก ปลอดชำระเงินต้นนาน 5 เดือน ผ่อนนาน 5 ปี และอนุมัติด่วนใน 5 วันทำการ ด้าน “สมชัย” ชี้เป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง เชื่ออัตรา GDP Q2 ขยายได้เกิน 3% ขณะที่อธิบดีกรมสรรพากรเผยนิติบุคคลเข้าจดแจ้งร่วมโครงการบัญชีเดียวกว่า 430,000 ราย
วันนี้ (18 พ.ค. 2559) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) ได้เปิดตัว “โครงการสินเชื่อ SMEs บัญชีเดียว” โดยนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า จากประกาศของสภาพัฒน์ ถึง GDP เศรษฐกิจประจำไตรมาส 1 ที่ออกมาโต 3.2% ทำให้เห็นทิศทางเศรษฐกิจกำลังจะฟื้นตัว และเชื่อว่าไตรมาส 2 จะเติบโตได้ในระดับเกิน 3% จากเม็ดเงินการลงทุนภาครัฐต่างที่จะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ รวมถึง ภาคเอกชนเริ่มมีความเชื่อมั่น นอกจากนี้ รัฐบาลยังเน้นช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเพื่อให้เข้าถึงแหล่งทุนเมื่อจดแจ้งกับกรมสรรพากรในการทำบัญชีเดียว ซึ่งจะช่วยให้การประกอบธุรกิจเป็นไปอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเกิดประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจไทย
สำหรับโครงการสินเชื่อ SMEs บัญชีเดียวของเอสเอ็มอีแบงก์ เป็นการตอบสนองนโยบายรัฐบาลและกระทรวงการคลัง ที่สนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SMEs จดแจ้งบัญชีเดียวกับกรมสรรพากรในช่วงระหว่างวันที่ 15 มกราคม - 15 มีนาคม 2559 ซึ่งเป็นไปตามที่รัฐบาลได้ออกพระราชกำหนดมาตรการบัญชีชุดเดียว และการยกเว้น และลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับ SMEs โดยเอสเอ็มอีแบงก์ได้ออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อ SMEs บัญชีเดียว วงเงินรวม 10,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการที่จดแจ้งบัญชีเดียวดังกล่าว ได้มีเงินทุนหมุนเวียนและเสริมสภาพคล่องในการพัฒนาผลิตภาพการผลิตหรือเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต รวมทั้งขยาย ปรับปรุงกิจการ โดยมี 5 เงื่อนไขพิเศษที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการในการเข้าสู่แหล่งทุนของธนาคาร
ทั้งนี้ เงื่อนไขสินเชื่อ SMEs บัญชีเดียว คือ ให้กู้สูงสุดรายละ 5 ล้านบาท ดอกเบี้ยต่ำ 5% ในปีแรก และปลอดชำระเงินต้นนาน 5 เดือน ผ่อนนาน 5 ปี นอกจากนี้ ถ้าเอกสารครบถ้วนเป็นไปตามเงื่อนไขธนาคารจะอนุมัติสินเชื่อใช้เวลารวดเร็วภายในเวลา 5 วันทำการ และสามารถใช้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกัน หรือจะใช้หลักประกันตามหลักเกณฑ์ปกติของธนาคาร
ด้านนายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการนิติบุคคลเข้าจดแจ้งร่วมโครงการบัญชีเดียว 430,000 ราย กว่า 80% เป็นระดับเอสเอ็มอี ซึ่งจะได้รับประโยชน์โดยไม่ถูกตรวจสอบภาษีย้อนหลัง จากนั้นปี 2560 จัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลเพียง 10% และยังช่วยลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจ เห็นได้จากโครงการสินเชื่อเอสเอ็มอีบัญชีเดียวที่คิดดอกเบี้ยเพียง 5% จากปกติคิดดอกเบี้ยตามความเสี่ยง 9.125% สะท้อนให้เห็นว่าการมีบัญชีเดียวทำให้การประเมินความเสี่ยงของแบงก์ทำได้ง่ายขึ้น
นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการเอสเอ็มอีแบงก์ เผยว่า คุณสมบัติของผู้กู้ที่จะได้รับสิทธิประโยชน์เงื่อนไขพิเศษจากสินเชื่อบัญชีเดียวดังกล่าวจะต้องเป็นนิติบุคคลที่มีการยื่นงบการเงินกับหน่วยราชการตั้งแต่ 2 รอบปีบัญชีขึ้นไป และต้องผ่านการคัดกรองจากหน่วยงานพันธมิตรที่ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับทางธนาคาร ซึ่งในวันนี้เอสเอ็มอีแบงก์ลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับ 3 หน่วยงานพันธมิตร คือ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ที่จะคัดกรองผู้ประกอบการในโครงการต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การดูแล เช่น โครงการยกระดับ OTOP ด้วยวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม หรือโครงการคูปองวิทย์เพื่อโอทอป ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โครงการภายใต้การยกระดับผู้ประกอบการ หรือ โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการสู่ AEC ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นต้น ส่งสมาชิกเข้าร่วมโครงการกับธนาคาร รวมถึงหน่วยงานพันธมิตรที่ธนาคารเคยลงนามความร่วมมือก่อนหน้านี้กว่า 100 หน่วยงาน เช่น สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าไทย สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เป็นต้น จะเข้าร่วมคัดกรองสมาชิกของแต่ละสมาคมเข้าร่วมโครงการด้วยเช่นกัน เพื่อให้ประโยชน์กับสมาชิกได้โอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำและเงื่อนไขพิเศษจากธนาคาร ส่วนกรมสรรพากรซึ่งเป็นต้นเรื่องของการจดแจ้งบัญชีเดียวนั้นจะช่วยสนับสนุนในเรื่องข้อมูลและกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการ SMEs ต่อไป
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้สินเชื่อ SMEs บัญชีเดียว ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น ธนาคารได้เปิดโอกาสให้นิติบุคคลที่จดแจ้งบัญชีเดียว ที่เพิ่งเริ่มส่งงบการเงิน หรือ ผู้ประกอบการ SMEs นิติบุคคล ทั่วไป และ บุคคลธรรมดาที่ไม่ได้จดแจ้งบัญชีเดียวกับกรมสรรพากร มีโอกาสใช้บริการสินเชื่อดังกล่าวด้วยเช่นกัน โดยสิทธิประโยชน์ที่ได้รับจะปรับไปเป็นตามที่ธนาคารกำหนด
นายมงคลเผยด้วยว่า หลังจากเปิดโครงการนี้เพียงแค่ 5 วันก่อนหน้านี้มีผู้สนใจยื่นขอกู้แล้ว 335 ราย วงเงิน 852 ล้านบาท ทำให้เห็นว่าเอสเอ็มอีมีความสนใจโครงการนี้มาก ดังนั้น มีผู้สนใจยื่นขอสินเชื่อมากกว่า 10,000 ล้านบาทจะเสนอกระทรวงการคลังเพื่อขยายวงเงินต่อไปเป็น 30,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ เอสเอ็มอีจะได้รับเงื่อนไขพิเศษดังกล่าวต้องเป็นนิติบุคคลที่ยื่นงบการเงินตั้งแต่ 2 รอบปีบัญชีขึ้นไป และต้องผ่านการคัดกรองจากหน่วยงานพันธมิตร ซึ่งลงนามร่วมกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย เพื่อคัดกรองผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการ
มีเงื่อนไขสำคัญสำหรับสินเชื่อ SMEs บัญชีเดียว คือ ให้กู้สูงสุดรายละ 5 ล้านบาท ดอกเบี้ยต่ำ 5% ในปีแรก หลังจากนั้นเป็นไปตามดอกเบี้ยของธนาคารที่ 6.75% ปลอดชำระเงินต้นนาน 5 เดือน และผ่อนนาน 5 ปี นอกจากนี้ ถ้าเอกสารครบถ้วนเป็นไปตามเงื่อนไขธนาคารจะอนุมัติสินเชื่อใช้เวลารวดเร็วภายในเวลา 5 วันทำการ และสามารถใช้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกัน หรือจะใช้หลักประกันตามหลักเกณฑ์ปกติของธนาคาร
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *
