“กรมพัฒนาธุรกิจการค้า” เร่งเสริมศักยภาพโชวห่วยไทย ชูใช้จุดแข็ง “เข้าใจเพื่อนบ้าน-เข้าถึงพื้นที่” และเติมระบบบริหารจัดการสมัยใหม่ ปั้นโมเดล “ร้านโชวห่วยต้นแบบ” พร้อมจัดโรดโชว์จับคู่ธุรกิจกับคู่ค้าประเทศเพื่อนบ้าน
น.ส.ผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกในท้องถิ่น หรือร้านโชวห่วย มีจุดแข็งหรือข้อได้เปรียบ คือ มีความเข้าใจเรื่องความต้องการสินค้าของเพื่อนบ้านหรือคนในท้องถิ่นเป็นอย่างดี ตลอดจนร้านค้าตั้งอยู่ในพื้นที่อยู่แล้วทำให้ลูกค้าไม่จำเป็นต้องเดินทางออกนอกพื้นที่เพื่อจับจ่ายใช้สอย
อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนของร้านโชวห่วย คือ ระบบการบริหารจัดการที่ขาดมาตรฐาน เช่น การบริหารสินค้าคงคลัง การสร้างความสมดุลระหว่างระบบการจัดซื้อและระบบการจำหน่ายสินค้า เป็นต้น
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าว กรมฯ ได้สร้าง “โมเดลร้านค้าส่งค้าปลีกต้นแบบ” ขึ้นเพื่อวางรากฐานการบริหารกิจการอย่างเป็นระบบ โดยผู้ประกอบการจะได้รับองค์ความรู้ด้านการบริหารธุรกิจค้าส่งค้าปลีกที่สามารถนำไปใช้งานได้จริง สามารถช่วยลดต้นทุนของกิจการ และเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ธุรกิจในระยะยาว
นอกจากนี้ กรมฯ ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่หน้างานเพื่อรับฟังปัญหา พร้อมเสนอวิธีการแก้ไขแบบตัวต่อตัวเพื่อให้ตรงต่อความต้องการของร้านค้า โดยถึงปัจจุบันมีร้านค้าส่งค้าปลีกต้นแบบที่ได้รับการพัฒนาจากกรมฯ และประสบความสำเร็จแล้ว จำนวน 115 ร้านค้า 417 สาขา ครอบคลุม 65 จังหวัด
น.ส.ผ่องพรรณ เผยต่อว่า กรมฯ ได้ทำการประชาสัมพันธ์ร้านค้าส่งค้าปลีกต้นแบบดังกล่าวทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ภายใต้ชื่อกิจกรรม “ฉลาดซื้อ ประหยัดใช้” แก่ร้านค้าที่บริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพจนสามารถจำหน่ายสินค้าได้ในราคาประหยัดต่อผู้บริโภค ซึ่งสามารถช่วยเหลือประชาชนในการลดค่าครองชีพและค่าใช้จ่ายได้ประมาณ 10-15% และจะทำการสำรวจเปรียบเทียบราคาขายสินค้ากับราคาตลาดเป็นประจำทุก 6 เดือน เพื่อให้ทราบว่าสินค้าที่ร่วมรายการถูกกว่าท้องตลาดทั่วไปจริง
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของประชาชนที่เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน กรมฯ ได้ร่วมมือกับสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย บริษัทผู้ผลิตผู้แทนจำหน่ายสินค้า และร้านค้าส่งต้นแบบทั่วประเทศ จัดกิจกรรม “ค้าส่งรวมใจ โชวห่วยไทยคู่สังคม” ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ปีละ 2 ช่วง ช่วงแรก คือ เดือนเมษายน-พฤษภาคม และช่วงที่ 2 คือ เดือนกันยายน-ตุลาคม จนถึงปัจจุบันได้จัดกิจกรรมฯ ดังกล่าวไปแล้ว จำนวน 7 ครั้ง มีมูลค่าการซื้อ-ขายกว่า 3,314 ล้านบาท และขณะนี้ กำลังดำเนินการจัดกิจกรรมเป็นครั้งที่ 8 โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 เมษายน - 31 พฤษภาคม 2559 มีร้านค้าส่งเข้าร่วมกิจกรรมฯ กว่า 89 ราย และร้านค้าปลีกเครือข่ายกว่า 3,500 ร้านค้าทั่วประเทศ คาดว่าหลังเสร็จสิ้นกิจกรรมครั้งที่ 8 จะมีเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจกว่า 500 ล้านบาท
อีกทั้ง เมื่อธุรกิจค้าส่งค้าปลีกมีความเข้มแข็ง มีระบบการบริหารจัดการที่เป็นสากลแล้ว กรมฯ จะดำเนินการ จัดกิจกรรม “เชื่อมโยงธุรกิจและจับคู่ธุรกิจ” (Business Matching) รวมถึงการนำธุรกิจฯ ไปโรดโชว์เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านของไทย เพื่อเป็นการขยายธุรกิจและประสานความร่วมมือด้านการค้าในระดับ Border Trade
ทั้งนี้ เมื่อเดือนมีนาคม 2559 ที่ผ่านมา กรมฯ ได้จัดคณะผู้ประกอบการค้าส่งค้าปลีกไทยเดินทางไปเชื่อมโยงธุรกิจ ณ ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยหลังเสร็จสิ้นการเชื่อมโยงฯ มีผู้ประกอบการสามารถบรรลุข้อตกลงซื้อขายสินค้าทันที มูลค่ากว่า 120,000 บาท และกำลังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาซื้อขายสินค้าในส่วนอื่นๆ ต่อไป และในเดือนมิถุนายน 2559 ที่จะถึงนี้ กรมฯ มีกำหนดเดินทางไปประเทศพม่า เพื่อเชื่อมโยงธุรกิจอีกครั้งหนึ่งก่อนดำเนินการสรุปผลที่ได้รับ ปัญหาอุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยจะนำมาปรับปรุงและพัฒนาการจัดกิจกรรมเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านประเทศอื่นๆ ต่อไป
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *