แบรนด์เครื่องเสียงเก่าแก่ของไทยอย่าง “เชอร์แมน” (Sherman) ใครจะเชื่อว่าครองตลาดมานานกว่า 18 ปี มียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดส่งไม้ต่อให้เจเนอเรชัน 2 สานต่อ พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ พร้อมเดินเกมรุกเจาะตลาดอาเซียน ปั้นยอดขายทะลุ 100 ล้านบาทปี 2559
หลังจากรุ่นพ่อได้สร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์เครื่องเสียงสัญชาติไทยมานานกว่า 18 ปี ตอนนี้ถึงเวลาส่งไม้ต่อให้แก่ทายาทรุ่นที่ 2 อย่าง “นายเอกพล กิตติรัตนาภินันท์” ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ บริษัท นิคอนไทย เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด ผู้ผลิตเครื่องเสียง “เชอร์แมน” ผู้นำตลาดเครื่องเสียงในประเทศไทย โดยทายาทรุ่น 2 ตั้งใจพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคดิจิตอลให้มากที่สุดภายใต้แนวคิด “สมาร์ท ซาวนด์”
หากย้อนกลับไปเมื่อ 18 ปีที่แล้ว จุดเริ่มต้นเครื่องเสียงเชอร์แมนเกิดมาจากธุรกิจซื้อมาขายไป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแบรนด์เครื่องเสียงจากต่างประเทศ (Interbrand) กระทั่งนายสมชัย กิตติรัตนาภินันท์ (บิดา) ผู้ก่อตั้งบริษัท สงสัยว่าทำไมคนไทยต้องถูกกำหนดให้ฟังเสียงเพลงในสไตล์ต่างชาติด้วย ไม่ว่าจะเป็นยุโรป หรืออเมริกา ซึ่งน่าจะมีแนวเพลง ดนตรีของคนไทยบ้าง จึงตัดสินใจเดินทางไปประเทศเยอรมนีเพื่อศึกษาเทคโนโลยีเครื่องเสียง หวังนำมาผนวกเข้ากับประสบการณ์ของตนเองที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องดอกลำโพง ซึ่งต่อมาก็ก่อเกิดเป็นเครื่องเสียงเชอร์แมนอย่างในปัจจุบัน และกลายเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของแบรนด์เชอร์แมน
ถือเป็นเครื่องเสียงสัญชาติไทยแท้ที่รุกทำตลาดอย่างจริงจัง ทำให้ที่ผ่านมาสามารถเจาะช่องทางจำหน่ายที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของตัวแทนจำหน่าย (Dealer), โมเดิร์นเทรด (Moderntrade) และไฮเปอร์มาร์ท (Hypermart) ทั้งในเครื่องเสียงใช้ในบ้านและนอกบ้าน เช่น ลำโพง โฮมเธียเตอร์ เครื่องขยายเสียง และไมโครโฟน มีจุดเด่นเรื่องพลังเสียงเบสที่หนักแน่น ด้วยเทคโนโลยีจากประเทศเยอรมนี พร้อมดีไซน์ร่วมสมัยในราคาที่เหมาะสม เจาะกลุ่มผู้บริโภคระดับ C+ ถึง b+ โดยมีโรงงานผลิตและประกอบที่ได้มาตรฐานบนพื้นที่กว่า 7,000 ตร.ม. มีกำลังการผลิตได้ถึง 5,000 เครื่องต่อวัน ใน จ.สมุทรสาคร
เมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน การรับไม้ต่อสำหรับทายาทรุ่นที่ 2 จึงต้องปรับเปลี่ยนตาม ซึ่งเขาตั้งใจเข้ามาปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์แบบเต็มรูปแบบเพื่อสอดรับเทรนด์ที่เปลี่ยนไป
เริ่มจากการนำแนวคิด “สมาร์ท ซาวนด์” เข้ามาเป็นทิศทางกำหนดการทำตลาดแบบบูรณาการ ทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีด้านผลิตภัณฑ์ การขยายช่องทางจำหน่ายทางออนไลน์ และต่างประเทศ รวมถึงการสื่อสารการตลาดสร้างแบรนด์ไปยังกลุ่มผู้บริโภคเพื่อตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค และสามารถครองใจผู้บริโภคได้อย่างยั่งยืน
“ปัจจุบันบริษัทฯ มีสินค้ารวมกว่า 40 รายการ ทั้งใช้ภายในบ้าน และนอกบ้าน ล่าสุดได้มีการเพิ่มเทคโนโลยีบลูทูธ (Bluetooth) เข้าไปในเครื่องรุ่นใหม่ๆ ซึ่งจะรองรับการเล่นไฟล์เพลงและภาพยนตร์ผ่านระบบบลูทูธไร้สาย พร้อมเชื่อมต่อเข้ากับโมบายล์แอปพลิเคชัน “ซาวนด์ บ็อกซ์” ที่ทางบริษัทฯ ได้พัฒนาขึ้น โดยผู้บริโภคสามารถเลือกและเล่นเพลงโปรดทางโทรศัพท์มือถือ ให้เสียงออกมาที่เครื่องเสียง และลำโพงของเชอร์แมนได้ทันที ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้บริโภค ลดขั้นตอน ความซับซ้อนในการดึงไฟล์เพลงสุดโปรดจากโทรศัพท์มือถือ แต่ขณะเดียวกันก็สามารถสัมผัสสุนทรีย์จากพลังเสียงอันหนักแน่นจากเครื่องเสียงเชอร์แมนได้”
ส่วนการขยายตลาดในประเทศ นายเอกพลเตรียมเจาะกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม) เป็นอันดับแรก เนื่องจากประเทศเหล่านี้รู้จักและยอมรับสินค้าไทยเป็นอย่างดี โดยใช้ฐานการผลิตที่ไทยและส่งออกไปจำหน่าย โดยคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้กว่า 100 ล้านบาทภายในปี 2559 นี้ ขณะที่การทำตลาดในไทยจะเน้นช่องทางออนไลน์ให้มากขึ้น จากปัจจุบันสินค้ามีจำหน่ายใน ลาซาด้า เอ็นโซโก้ ไอทรูมาร์ท และคอมเซเว่น ซึ่งมีสัดส่วนยอดขายอยู่ที่ 5% ของยอดขายทั้งหมด ส่วนช่องทางโมเดิร์นเทรดขนาดใหญ่มีสัดส่วน 70% และร้านจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไปมีสัดส่วน 25% ซึ่งช่องทางออนไลน์ในขณะนี้แม้ยังมีสัดส่วนที่น้อย แต่พบว่ามีแนวโน้มการเติบโตที่รวดเร็ว และกลายเป็นช่องทางการตลาดสำคัญในอนาคต
คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ สำหรับเครื่องเสียงสัญชาติไทยแบรนด์นี้ว่าจะก้าวไปในทิศทางใด แต่เชื่อแน่ว่าเมื่อคนรุ่นใหม่เข้ามาบริหาร และมีผู้ใหญ่มากประสบการณ์คอยหนุนหลัง จะกลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวให้เครื่องเสียงเชอร์แมนกระหึ่มในตลาดได้อีกยาวนาน
***สนใจติดต่อ 0-2864-5665 หรือที่ www.sherman.co.th***
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *