หากพูดถึงอาหารไทยและเย็นตาโฟระดับพรีเมียมเจ้าดัง ชื่อร้านที่บุกเบิกโดย “อาจารย์มัลลิการ์ หลีระพันธ์” ต้องติดโผอันดับต้นๆ อย่างแน่นอน เพราะธุรกิจในเครือ ไม่ว่าจะเป็นเรือนมัลลิการ์ เย็นตาโฟเครื่องทรง ล้วนเป็นแบรนด์สร้างชื่อเป็นที่รู้จักในวงกว้างด้วยเอกลักษณ์โดดเด่น ทั้งรูปแบบ และรสชาติ โดย ณ วันนี้ธุรกิจต่างๆ กำลังส่งไม้สู่ทายาทธุรกิจทั้ง 2 คน ที่รักในธุรกิจอาหารไม่แพ้กัน
เมื่อการตัดสินใจครั้งสำคัญของ อ.มัลลิการ์ หลีระพันธ์ ให้ลูกๆ เข้ามาบริหารธุรกิจของตนเองที่สร้างมากับมือกว่า 20 ปี ถือเป็นความยากที่สองเจเนอเรชันต้องปรับจูนเข้าหากัน โดยเฉพาะความคิดด้านการบริหารที่ปรับเปลี่ยนไปตามสังคมยุคปัจจุบัน
แต่ด้วยความเป็นคนรุ่นใหม่ มีความมุ่งมั่นและตั้งใจจริงกับการเดินเข้าสู่เส้นทางธุรกิจของครอบครัว อุปสรรคความขัดแย้งทางความคิดระหว่างมารดากับเธอถือว่าเป็นเรื่องเล็ก เพราะเมื่อพิสูจน์ให้เกิดการยอมรับในความสามารถก็ทำให้ทั้งคู่เดินบนเส้นทางเดียวกันได้
“ชมพลอย หลีระพันธ์” หรือ “ปาล์ม” ลูกสาว อ.มัลลิการ์ ที่วันนี้ดำรงตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายโอเปอเรชันและซัปพลายเชน รับหน้าที่ดูแลฝ่ายผลิต ระบบครัวกลาง รวมถึงดูแลหน้าร้านให้มีระบบระเบียบมากขึ้น หลังเลือกเรียนด้านวิทยาศาสตร์การอาหารระดับปริญญาตรี และไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษในระดับปริญญาโท ด้าน Food Supply Chain จากนั้นเลือกทำงานให้กับบริษัทด้านอาหารและซัปพลายเชน ประมาณ 3 ปี ซึ่งล้วนเป็นองค์กรชั้นนำระดับโลก หวังนำประสบการณ์ที่ได้มาปรับใช้กับธุรกิจของตน และขณะนี้กำลังศึกษาด้านบริหารธุรกิจ (MBA) เพิ่มเติม
จากประสบการณ์การทำงานในองค์กรอื่นๆ เธอนำมาปรับใช้ในธุรกิจของครอบครัว อย่างการวางแผนด้านการผลิตให้ตรงเวลา เพื่อลดการจ่ายเงินค่าล่วงเวลา วางแผนจัดการสต๊อกวัตถุดิบให้พอดีกับการใช้งานจริงเพื่อลดของเสียให้น้อยที่สุด ขณะที่การบริหารจัดการส่วนหน้าร้าน จัดอบรมพนักงาน สร้างทีมแบ่งหน้าที่ทำงานให้เหมาะสม ส่งผลให้ขณะนี้สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ 5 เท่าตัว รองรับการขยายธุรกิจได้รอบด้าน
มาวันนี้สาวเก่งทำหน้าที่ดูแลด้านการผลิตให้ทุกธุรกิจในเครือ อ.มัลลิการ์ ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นร้านเรือนมัลลิการ์ , ร้านอาหาร อ.มัลลิการ์, ร้านเย็นตาโฟเครื่องทรง, ร้านขนมปังยิ้ม และร้านอาหารอิตาเลียน ปา ป้า ปอนด์ ของพี่ชาย (ชยพล หลีระพันธ์)
ตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมากับการปรับเปลี่ยนระบบทั้งหน้าบ้านและหลังบ้านให้แก่ธุรกิจของครอบครัวเริ่มเป็นที่ยอมรับของมารดา เธอรุกแผนธุรกิจเพื่อสร้างแบรนด์ทั้งเครือให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นในปี 2559 ที่จะถึงนี้ เริ่มจากรุกรูปแบบอาหารประเภทบุพเฟต์ ให้ร้าน อ.มัลลิการ์ พร้อมทำ Meal Box ส่งอาหารแบบดีลิเวอรี ตอบโจทย์คนเมืองที่ต้องการความเร่งรีบ ขณะที่ร้านเรือนมัลลิการ์เตรียมเจาะประเทศในแถบยุโรป อเมริกา และญี่ปุ่น หวังทำให้อาหารรสชาติต้นตำรับไทยแท้ออกสู่สายตาชาวต่างชาติ
ส่วนธุรกิจด้านเบเกอรี อย่าง ร้านปังยิ้ม นอกจากจะมีร้านขนมปังคุณภาพเปี่ยมรอยยิ้มแล้ว ยังแตกไลน์เป็นอาหารว่าง (Snack Box) สำหรับจัดเลี้ยง ประชุม สัมมนา หรืออื่นๆ พร้อมพัฒนาเมนูอาหารแช่แข็งให้หลากหลายมากขึ้น โดยอนาคตเตรียมต่อยอดสู่ร้านคาเฟ่ ปังยิ้ม ครบครันไปด้วยเบเกอรี และเครื่องดื่ม นอกจากนี้ยังเตรียมขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์สำหรับร้านเย็นตาโฟเครื่องทรงด้วย เล็งทำเลในต่างจังหวัดเน้นหัวเมืองขนาดใหญ่ เช่น ภูเก็ต เพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
และเมื่อรูปแบบธุรกิจทุกอย่างลงตัว จะรุกรูปแบบธุรกิจการจัดงานแบบค็อกเทล เพราะทางบริษัทฯ มีอาหารครบทุกประเภทที่ลูกค้าต้องการ จึงเป็นการง่ายสำหรับการจัดงานเลี้ยงนอกสถานที่
ล่าสุดเพื่อต้อนรับเทศกาลปีใหม่ ทางร้านปังยิ้มได้ทำกระเช้าของขวัญปีใหม่ในรูปแบบที่แตกต่างออกไป ด้วย “กระเช้าขนมปังอบสดใหม่” รูปแบบต่างๆ และ “กระเช้าขนมปังอบแห้ง” เก็บได้นาน หวังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้ผู้ที่ต้องการมอบสิ่งดีๆ ให้แก่กันด้วยสินค้าคุณภาพจากร้านปังยิ้ม
ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจของทายาทรุ่นที่ 2 จะทำให้ปีหน้า (2559) จะกลายเป็นก้าวที่สำคัญของธุรกิจเครือ อ.มัลลิการ์ ว่าจะไปในทิศทางใด แต่เชื่อว่าอย่างน้อยแบรนด์จะต้องเป็นที่รู้จักมากขึ้น เธอพร้อมทำงานเต็มที่แม้หลายหน่วยงานจะคาดการณ์เศรษฐกิจปี พ.ศ. 2559 จะไม่ค่อยดีนักก็ตาม
***ติดต่อธุรกิจ บริษัท มัลลิการ์ อินเตอร์ฟู๊ด จำกัด โทร. 0-2946-1000***
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *