ท่ามกลางการแข่งขันธุรกิจแฟชั่นชุดราตรีหลากหลายแบรนด์ จำเป็นต้องสร้างเอกลักษณ์ให้โดดเด่น อย่างในรายของ ‘THESUNCHIC’ สร้างสรรค์ชุดด้วยเทคนิค “draping” ที่คนในวงการแฟชั่นรับรู้กันดีว่าเป็นเทคนิคระดับเซียน ต้องอาศัยทั้งความรู้ ทักษะความชำนาญที่ฝึกฝนอย่างหนัก และชนิดผ้าเหมาะสม จึงจะนำไปสู่ดีไซน์ชุดราตรีที่ต้องการได้
คุณจิตรา ทองประดับ หรือคุณ “จ๋า” เจ้าของธุรกิจชุดราตรีแบรนด์ ‘THESUNCHIC’ ร่ำเรียนด้านการออกแบบแฟชั่น โดยเฉพาะเทคนิค “draping” มาจากสถาบันแฟชั่นประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นผู้เชี่ยวชาญศาสตร์แขนงนี้อันดับหนึ่งของโลก ก่อนจะกลับมาเปิดห้องเสื้อในเมืองไทย
เธออธิบายให้ฟังว่า เอกลักษณ์ของ draping คือการสร้างสรรค์ดีไซน์รูปทรงแปลกตาดูน่าอัศจรรย์ให้แก่แฟชั่น โดยเน้นการจับผ้าให้มีความพลิ้วอ่อนไหวสวยงาม ซึ่งวิธีการทำ และออกแบบจะแตกต่างจากชุดราตรีแฟชั่นทั่วไป โดยชุดทั่วไปนั้นจะเริ่มจากดีไซเนอร์ออกแบบวาดรูปลงบนกระดาษ แล้วนำไปทำแพตเทิร์นกระดาษ ตามด้วยตัดเย็บชิ้นผ้าจนออกมาเป็นชุด แต่สำหรับเทคนิค draping จะตรงกันข้าม ใช้วิธีย้อนกลับ คือ นำชิ้นผ้าขึ้นหุ่นโชว์แล้วจัดรูปแบบตามที่คิดไว้ อาศัยการสอยและปักเข็มหมุดยึดติดไว้จนเสร็จออกเป็นชุดสมบูรณ์ จากนั้นค่อยลอกชิ้นส่วนต่างๆ กลับมาทำเป็นแพตเทิร์นกระดาษ แล้วจึงไปตัดเย็บออกมาเป็นชุด
“การออกแบบเสื้อผ้าทั่วไป ดีไซเนอร์จะวาดชุดลงกระดาษ ซึ่งชุดที่วาดจะสวยมาก แต่พอช่างลงมือทำจริงกลับไม่สามารถทำตามแบบที่วาดได้ หรือถ้าทำได้ก็จะไม่สวยเหมือนแบบที่วาดในกระดาษ และกว่าจะรู้ว่าชุดสวยหรือไม่ก็ต้องรอลุ้นตอนทำเสร็จแล้ว แต่สำหรับ draping จะขึ้นแบบบนตัวหุ่นโชว์เลย ผ้าที่ใช้ก็เป็นชนิดเดียวกับที่ใช้จริง หรือลักษณะคล้ายกับที่ใช้จริง ดังนั้น เราจะเห็นได้เลยว่าชุดที่เสร็จสมบูรณ์แล้วจะเป็นอย่างไร สวยหรือไม่ ทำให้รู้ว่าชุดที่ทำจะออกมาสวยแน่นอน ดังนั้น คนที่จะทำชุดราตรี draping ได้ต้องมีความเชี่ยวชาญทั้งการออกแบบ และเข้าใจเรื่องของการผลิตควบคู่กันด้วย ไม่ใช่ว่าออกแบบเป็นอย่างเดียว” คุณจ๋าอธิบาย พร้อมเสริมว่า
การขึ้นแบบชุดด้วยเทคนิค draping เปรียบเสมือนการทดลองกับรูปทรงและดีไซน์ไปเรื่อยๆ ดังนั้น กว่าจะได้แบบที่ลงตัว มีอัตราสิ้นเปลืองทิ้งผ้าเปล่าๆ จำนวนมาก อีกทั้ง ใช้เวลานานเพราะเป็นงานแฮนด์เมด 100% เลยมีผู้ผลิตงานประเภทนี้ค่อนข้างน้อย
เธอเผยด้วยว่า ที่ร้านทำชุดราตรีหลากหลายประเภท โดยชุดเทคนิค draping เป็นหนึ่งในชุดที่ทางร้านทำมานานแล้ว แต่ช่วง 4 ปีหลังที่ผ่านมาเน้นชูเป็นสินค้าเด่นประจำแบรนด์ เนื่องจากลูกค้าให้ความสนใจสม่ำเสมอ และในตลาดมีคู่แข่งน้อยราย หากจะมีบ้างมักจะเป็นแบรนด์ต่างประเทศ ซึ่งราคาสูงมากๆ ตัวละหลายหมื่นบาท ดังนั้น ลูกค้าที่อยากได้ชุดราตรี draping ที่สวยคุณภาพดี และราคาสมเหตุสมผล จึงเลือกมาใช้บริการแบรนด์ ‘THESUNCHIC’
ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าเป้าหมายคือ สุภาพสตรีวัย 25-45 ปี ระดับ B+ ขึ้นไป ที่ต้องการความโดดเด่น สวยสง่าในการออกงานสังคม โดยราคาชุดราตรีของ ‘THESUNCHIC’ เฉลี่ยจะอยู่ที่ตัวละ 8,000-10,000 บาท ซึ่งราคาดังกล่าวสำหรับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายแล้วถือว่าไม่สูง
“ปัจจุบันตลาดชุดราตรีเติบโตขึ้นมาก เพราะไลฟ์สไตล์สาวยุคใหม่นิยมออกงานสังคมยามราตรี และสำหรับนักธุรกิจสตรีที่ต้องไปเจรจาธุรกิจ หรือพบปะสร้างเครือข่ายธุรกิจ การแต่งกายที่จะช่วยสร้างเสริมบุคลิกภาพมีความสำคัญต่อเขามากๆ คนกลุ่มนี้จะไม่ยอมใช้ชุดเช่า หรือชุดเก่าล้าสมัยอย่างเด็ดขาด แต่เขาอยากจะได้ชุดที่มีความพิเศษ บางคนซื้อไปใส่แค่ครั้งเดียว แต่ก็ยอมจ่ายเพื่อให้ตัวเองดูดีที่สุดในวันที่ต้องออกงาน” เจ้าของธุรกิจระบุ
ด้านช่องทางตลาดนั้น คุณจิตราเผยว่า มีหน้าร้านอยู่ที่ ชั้น 1 TERMINAL 21 อีกทั้ง ขายผ่านออนไลน์ และออกงานแสดงสินค้าทั้งใน และต่างประเทศ โดยเฉลี่ยแต่ละปีจะออกสินค้าจำนวน 3 คอลเลกชัน แต่ละคอลเลกชันจำนวน 25 แบบ เท่ากับหนึ่งปีจะมีแบบใหม่ถึง 75 ชุด
แม้ว่าการแข่งขันของผู้ผลิตชุดราตรีจะสูง มีหลากหลายแบรนด์ในท้องตลาด อีกทั้ง สภาพเศรษฐกิจขณะนี้ที่ยังชะลอตัว แต่สำหรับแบรนด์ ‘THESUNCHIC’ สถานการณ์ธุรกิจกลับโตสวนกระแส มีออเดอร์ต่อคิวแน่นจนผลิตไม่ทัน
“เนื่องจากผู้ผลิตชุดราตรี draping มีน้อยรายมาก ทำให้เรามีออเดอร์ดีมาก เฉลี่ยยอดขายประมาณ 60 กว่าชุดต่อเดือน หรือคิดเป็นยอดขายประมาณ 400,000-500,000 บาทต่อเดือน ซึ่งในความเป็นจริงลูกค้ายังมีความต้องการมากกว่านี้ แต่เนื่องจากงานดังกล่าวทำยากมาก เราเลยมีปัญหาขาดแคลนทีมงานผลิต ซึ่งคนที่จะเข้ามาทำงานนี้ได้ดิฉันจะคัดเด็กที่จบมาด้านแฟชั่นดีไซน์ หลังจากนั้นต้องมาฝึกฝนเพิ่มเติมจนมีความเข้าใจและเชี่ยวชาญเทคนิค draping เสียก่อน จึงสามารถจะดีไซน์และผลิตชุดราตรีออกมาได้” เธอระบุ
สำหรับแผนธุรกิจในปีหน้า (2559) คุณจ๋าบอกว่า พยายามเพิ่มทีมงานมาขยายการผลิตให้มากขึ้น และที่สำคัญจะมุ่งเสริมการตลาดขยายไปต่างประเทศ แถบตะวันออกกลาง โดยเฉพาะนครดูไบ ซึ่งมีกำลังซื้อสูงมาก และกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมีไลฟ์สไตล์ต้องการสินค้าชุดราตรีที่ตรงกับแบรนด์ ‘THESUNCHIC’ พอดี
“จากที่ดิฉันได้ฝึกฝนทีมงานเด็กรุ่นใหม่ขึ้นมาช่วย ทำให้ช่วง 1-2 ปีหลังที่ผ่านมาสามารถผ่อนภาระด้านการผลิตลงได้มาก ดิฉันจึงผันตัวเองมาทำงานด้านการตลาดมากยิ่งขึ้น อาศัยไปเข้าโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีด้านแฟชั่นของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ทำให้เราได้มุมมองด้านการตลาดที่กว้างยิ่งขึ้น รู้ว่าจะออกแบบอย่างไรให้โดนใจลูกค้า และมีการวางแผนตลาดดีขึ้น จากเดิมเวลาจะทำตลาดก็เหมือนโยนหินไปกว้างๆ แต่ตอนนี้เรารู้ว่าเราโยนหินไปให้ใคร ไม่เสียเงินเปล่าประโยชน์ ซึ่งจากที่ไปออกงานฮ่องกง แฟชั่นวีก ร่วมกับกรมฯ ทำให้เห็นโอกาสที่จะไปต่างประเทศได้ โดยเฉพาะที่ดูไบ ซึ่งเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูงมาก” คุณจ๋ากล่าวในตอนท้าย
ติดต่อโทร. 08-6711-4116 หรือ FB: thesunchic IG&: thesunchicและ ID LINE:@thesunchic
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *