นายยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงแนวทางการทำตลาด AEC รองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนว่า สำหรับผู้ประกอบการอาหารในกลุ่ม SME มีศักยภาพเพียงพอที่จะสามารถแข่งขัน และเข้าไปเปิดตลาดในกลุ่มประเทศอาเซียน เพราะที่ผ่านมาไทยมีการส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารไปยังกลุ่มประเทศดังกล่าว
โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV มากถึง 25% ของตลาดรวมการส่งออกอาหารไปในกลุ่มประเทศเอเชียที่มีอยู่ถึง 60% ดังนั้น การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนยิ่งส่งให้การทำตลาดอาหารในกลุ่มอาเซียนมีการเติบโตได้มากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มของตลาดเครื่องดื่มชูกำลังที่เรามีสัดส่วนการส่งออกในอาเซียนสูงมาก ส่วนกลุ่มอาหารเพื่อสุขภาพมีแนวโน้มการเติบโตที่สูงมากในอาเซียนเช่นกัน
สำหรับแนวโน้มการทำตลาดในอาเซียน ที่สถาบันอาหารต้องการให้ผู้ประกอบการให้ความสนใจเพิ่มมากขึ้น คือ สินค้าในกลุ่มอาหารฮาลาล เพราะประชากรกว่าครึ่งหนึ่งในตลาดอาเซียนเป็นมุสลิมถึง 300 คน โดยเฉพาะตลาดอินโดนีเซียนั้นมีประชากรที่เป็นมุสลิมมากถึง 250 ล้านคน อยากให้ผู้ประกอบการหันมาเจาะตลาดและให้ความสนใจการทำอาหารฮาลาล และส่งไปขายในประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ ประเทศเหล่านี้มีมุสลิมอยู่มาก เป็นตลาดที่ใหญ่
นอกจากนี้ จังหวัดที่อยู่ชายแดนใกล้กับประเทศเพื่อนบ้านจะได้เปรียบ เพราะที่ผ่านมามีผู้ประกอบการอาหารนำอาหารเข้าไปขายในประเทศเหล่านี้อยู่แล้ว ต่อไปอาหารสดมีการขยายตัวในแถบชายแดนมากขึ้น มีการแลกเปลี่ยนวัตถุดิบซึ่งกันและกันมากขึ้น ด้วย
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *