“สมคิด” ชี้วิกฤตเศรษฐกิจนับเป็นโอกาสกระตุ้นผู้ประกอบการตื่นตัวเรื่องนวัตกรรม ชี้ภายใน 3 ปีคงไม่มีอะไรมาช่วยเศรษฐกิจไทยโตแบบก้าวกระโดดได้เลยถ้าขาด Business Model คาดสิ้นปีส่งออกติดลบประมาณ 5% ด้าน “เวลโลกราฟ” นาฬิกาสุขภาพคว้ารางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ด้านเศรษฐกิจ ปี 2558
ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยในการปาฐกถาพิเศษ “นวัตกรรม เพื่ออนาคตเศรษฐกิจของประเทศไทย” ในโอกาสเป็นประธานมอบรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ประจำปี 2558 ว่า จากปัญหาภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำในขณะนี้มาจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ ส่งออกที่ลดลงติดต่อกันมาเป็นระยะเวลากว่า 2 ปี ประกอบกับราคาพืชผลทางการเกษตรที่ซื้อขายในตลาดโลกลดต่ำลง ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม ดังนั้นส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจที่ต้องเผชิญโดยตรง ซึ่งคาดว่าสถานการณ์เช่นนี้คงยังอยู่กับเราไปอีกถึง 3 ปี ถ้าเรายังต้องพึ่งพาการส่งออก และคาดว่าในสิ้นปี (2558) ยอดการส่งออกของไทยอาจจะติดลบถึง 5%
อย่างไรก็ตาม จากปัญหาภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ ถ้ามองในเรื่องของข้อดี คือ ทำให้ผู้ประกอบการหันมาตื่นตัวมากขึ้น จากเดิมเวลาพูดถึงเรื่องของนวัตกรรมผู้ประกอบการมองไม่เห็นความสำคัญ และไม่ยอมที่จะปรับตัวเอง ยังคงทำในแบบเดิมๆ แต่พอมาวันนี้จะเห็นว่าทุกคนเริ่มตื่นตัว และมีการนำนวัตกรรมมาใช้กับการพัฒนาสินค้า แต่สินค้าอย่างเดียวไม่ได้ช่วยให้ธุรกิจของคุณอยู่ได้ สิ่งสำคัญคือ เมื่อมีสินค้าดีก็จะต้องขายได้ด้วย นั่นคือทุกคนต้องรู้จักการทำ Business Model ถือเป็นหัวใจของธุรกิจ มีตัวอย่างสินค้าหลายตัวที่วางแผน Business Model และสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ธุรกิจก็จะอยู่รอดได้ ทุกอย่างต้องมีการวางแผน สามารถแข่งขันได้ มีนวัตกรรมหลายตัวเราคิดขึ้นมาก่อน แต่ไม่มีโอกาสได้ทำตลาดเพราะขาดการคิดเรื่อง Business Model
ดร.สมคิดกล่าวต่อว่า การที่ผู้ประกอบการตื่นตัวในเรื่องของนวัตกรรมมากขึ้น แต่ถ้ายังขาดคนที่จะมาเป็นเจ้าภาพก็คงจะทำให้ผู้ประกอบการเข้าถึงนวัตกรรมได้ยาก ดังนั้น มอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นเจ้าภาพดูแลในเรื่องนี้ และในปีนี้จึงได้ให้งบประมาณแก่กระทรวงวิทย์ฯ เพิ่มขึ้นเป็นหลักแสนล้านบาทในการดึงหน่วยงานสถาบันการศึกษาที่มีงานวิจัยทางด้านนวัตกรรม และองค์กรเอกชนที่มีศักยภาพ ร่วมวางยุทธศาสตร์ เพื่อยกระดับผู้ประกอบการไทยเข้าถึงนวัตกรรมมากขึ้น
ด้านนายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวถึงการยกระดับขีดความสามารถด้านการแข่งขันของประเทศผ่านนวัตกรรมเชิงพาณิชย์ว่า ที่ผ่านมาการพัฒนาประเทศให้เข้มแข็งต้องเกิดจากความร่วมมือกัน 4 ด้าน คือ ภาครัฐ วิชาการ เอกชน และสังคมความสามารถของชุมชน ซึ่งที่ผ่านมาผลักดันให้เกิดผลงานในหลายมิติ เช่น การปฏิรูปการวิจัย การพัฒนาให้เกิดการลงทุน สามารถพัฒนาไปสู่เป้าหมายไม่ต่ำกว่า 1% ของรายได้ประชาชาติ การเพิ่มมาตรการยกเว้นภาษี สำหรับค่าใช้จ่ายในการทำวิจัย จาก 200% เป็น 300% นวัตกรรมกระตุ้นเชิงพาณิชย์ โครงการคูปองนวัตกรรม จัดทำบัญชีนวัตกรรม การผลักดันนวัตกรรมเป็นวาระแห่งชาติ เป็นต้น
และในปีนี้ ทางสำนักงานนวัตกรรมเสนอคณะรัฐมนตรี และได้ผ่านการเห็นชอบในการกำหนดให้ทุกวันที่ 5 ตุลาคมของทุกปีเป็น “วันนวัตกรรมแห่งชาติ” เนื่องจากเป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ทอดพระเนตรการดำเนินงานโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ ได้พระราชทานพระราชดำรัสเกี่ยวกับโครงการแกล้งดิน
สำหรับการจัดประกวด “รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ” ประจำปี 2558 แบ่งเป็นรางวัลชนะเลิศทางด้านสังคม “รากเทียมขนาดเล็กสำหรับช่วยยึดฟันเทียมแบบถอนได้” จากบริษัท พีดับบลิว พลัส จำกัด รางวัลชนะเลิศ ด้านเศรษฐกิจ “เวลโลกราฟ” นาฬิกาสุขภาพ จากบริษัท เวลโลกราฟ จำกัด ซึ่งใช้ตรวจจับการเต้นของหัวใจจากการสวมใส่ที่ข้อมือ มีเทคนิคการกำจัดสัญญาณรบกวน จึงแม่นยำใกล้เคียงกับเครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจในโรงพยาบาล
นอกจากนี้ ภายในงานวันนี้ยังได้มีการมอบรางวัล นวัตกรรมข้าวไทย เป็นผลงานในระดับบริษัทหรือชุมชนที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ข้าว จัดโดยมูลนิธิข้าวไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และรางวัลนวัตกรรมแห่งประเทศไทย เป็นผลงานต้นแบบในระดับนิสิตนักศึกษา จัดโดยสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *
