ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดส่งออกสิ่งทอไทยปี 58 มูลค่า 4,400 – 4,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 5.0 ถึงขยายตัวร้อยละ 0.0 ชี้ปัจจัยช่วยอยู่รอดในอนาคต ผู้ประกอบการต้องมุ่งจับเทรนด์ผู้บริโภคในตลาดสำคัญ ได้แก่ อาเซียน สหรัฐฯ ยุโรป และตะวันออกกลาง โดยใส่นวัตกรรมลงสิ่งทอ เช่น เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตอบไลฟ์สไตล์ผู้สูงอายุ เป็นต้น
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยบทวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจ หัวข้อ “ส่งออกสิ่งทอปี’58: ปรับกลยุทธ์จับเทรนด์บริโภคในตลาดศักยภาพ ... ผลักดันยอดส่งออกสู่ระดับ 4,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ” ว่า คาดการส่งออกสิ่งทอของไทยไปยังตลาดโลกปี 2558 จะมีมูลค่าประมาณ 4,400 – 4,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 5.0 ถึงขยายตัวร้อยละ 0.0 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
โดยสินค้าที่เป็นถือว่าเป็นแรงขับเคลื่อนการส่งออกสิ่งทอ ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มผ้าผืนและเส้นใยประดิษฐ์ ซึ่งยังเป็นสินค้าที่ตลาดเป้าหมายมีความต้องการสูง โดยเฉพาะกลุ่มประเทศผู้ผลิตเครื่องนุ่งห่มในอาเซียนอย่าง กลุ่ม CLMV+I โดยเฉพาะเมียนมา เวียดนามและอินโดนีเซีย ที่ธุรกิจเครื่องนุ่งห่มยังคงเติบโตสูง จากการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ทำให้มีคำสั่งซื้อจากคู่ค้าอย่างต่อเนื่อง แต่อาจไม่สูงมากนัก เพราะราคาสินค้าไทยในขณะนี้มีราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับคู่แข่งอื่นๆ อาทิ จีน อินเดียและเวียดนาม
ทั้งนี้ ความอยู่รอดในธุรกิจในระยะข้างหน้า อาจจะต้องพุ่งเป้าไปที่การปรับกลยุทธ์เพื่อรับกับเทรนด์ผู้บริโภคในตลาดศักยภาพที่สำคัญ อาทิ อาเซียน สหรัฐฯ สหภาพยุโรป และตะวันออกกลาง รวมถึงตลาดที่ไทยมีข้อตกลงกรอบการค้าเสรีด้วย เป็นต้น
สำหรับเทรนด์การบริโภคที่น่าจับตา ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสิ่งทอเทคนิค สิ่งทอที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม/ออร์แกนิค สิ่งทอไลฟ์สไตล์สำหรับผู้สูงอายุ รวมถึงสิ่งทอที่ใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ซึ่งผู้ประกอบการไทยมีศักยภาพเพียงพอในการผลิต ในขณะที่ความต้องการของตลาดก็เพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง และสามารถทำราคาได้ดี มีมูลค่าเพิ่มสูงกว่าการส่งออกผลิตภัณฑ์สิ่งทอขั้นพื้นฐานทั่วไป
อนึ่ง การทำธุรกิจสิ่งทอในปัจจุบัน มีการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง นอกเหนือจากสงครามด้านราคาที่ดุเดือดในตลาด ความเคลื่อนไหวในตลาดที่พบอีกอย่างหนึ่งก็คือ การมุ่งสร้างมาตรฐานของสินค้าให้สูงขึ้นของบริษัทผู้ผลิตและประเทศผู้นำเข้า เพื่อสร้างทางเลือกรูปแบบใหม่ๆ ให้กับลูกค้าปลายทาง
ดังนั้น ผู้ประกอบการสิ่งทอไทยจะต้องมีการวางแนวทางการทำธุรกิจที่ชัดเจน โดยพิจารณาว่าขณะนี้ตลาดต้องการอะไร และเทรนด์หรือกระแสที่กำลังจะเกิดขึ้นจะเป็นไปในทิศทางไหน เพื่อนำมาวางแผนต่อยอดพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องทั้งรูปแบบและลักษณะสินค้า ซึ่งสำหรับสิ่งทอไทย ผู้ประกอบการควรชูจุดแข็ง อาทิ การใช้วัตถุดิบที่ทำมาจากธรรมชาติ สอดแทรกวิถี/ภูมิปัญญาไทยในการผลิตสิ่งทอ รวมถึงนำนวัตกรรมมาปรับปรุงผลิตภัณฑ์สิ่งทอให้มีคุณสมบัติเชิงเทคนิค เพื่อสร้างความแตกต่างจากสินค้าที่มีในท้องตลาด น่าจะเป็นแนวทางพัฒนาการผลิตสิ่งทอไทยให้ก้าวผ่านอุปสรรคทางการค้า และสามารถพัฒนาตนเองได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในตลาดโลกต่อไป
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *