ในระยะเวลา 3-4 ปีหลังมานี้ การแต่งกายเลียนแบบตัวการ์ตูน เลียนแบบตัวละครในภาพยนตร์ รวมถึงเลียนแบบนักแสดง นักร้องคนดัง หรือที่เรียกว่าการแต่งกายคอสเพลย์นั้น เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในไทย
ต้องยอมรับว่าอิทธิพลของการ์ตูนญี่ปุ่น รวมถึงภาพยนตร์ฮอลลีวูดฟอร์มยักษ์ ล้วนเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้บริโภคอยากแต่งกายเลียนแบบตัวการ์ตูน และตัวละครเหล่านั้นดูบ้าง
บวกกับอิทธิพลของสื่อ Social Media ที่กลายเป็นตัวเร่ง ให้อยากลองแต่งกายเลียนแบบนักแสดง และศิลปินคนดังที่ชื่นชอบ เพื่อโพสต์ภาพลง Facebook, Instagram เรียกจำนวนไลก์จากเพื่อนๆ บนโลกออนไลน์
กลายเป็นโอกาสทางธุรกิจ สำหรับผู้ประกอบการในการเปิดร้านให้เช่าชุดคอสเพลย์
“เอกชัย ตั้งกิจศิริกุล” เจ้าของร้าน Enjoy Suit ที่โด่งดังในย่านฝั่งธนฯ ก็เป็นอีกคนที่มองเห็นโอกาสนั้น เดิมทีทำงานประจำในตำแหน่งพนักงานบัญชี แต่เจ้าตัวมีความชื่นชอบเรื่องของการถ่ายรูป และการแต่งกายแบบคอสเพลย์อยู่แล้วเป็นทุนเดิม ในที่สุดจากความชอบก็สามารถต่อยอดมาสู่การทำธุรกิจได้สำเร็จ
“ย้อนกลับไปสัก 5 ปีก่อนหน้านี้ ตอนนั้นผมทำงานประจำในตำแหน่งพนักงานบัญชี แต่ชอบถ่ายรูปเป็นงานอดิเรก มันก็จะมีกลุ่มก้อนของคนที่ชื่นชอบเรื่องการถ่ายรูปเหมือนๆ กัน ก็ติดต่อหานางแบบมาถ่ายเอง ก็ถ่ายให้ฟรี ไม่ได้คิดเงินอะไร ส่วนมากจะถ่ายให้น้องๆ ที่อยากได้งานพริตตี้งาน MC ต่างๆ
เราก็จะมีชุดพวกคอสเพลย์ที่ซื้อสะสมเอาไว้ เพราะเราเป็นคนชอบการ์ตูนญี่ปุ่น สมัยเด็กๆ นี่ดูการ์ตูนมาแล้วเกือบทุกเรื่อง จะรู้รายละเอียดว่าตัวการ์ตูนไหนต้องแต่งตัวอย่างไร ต้องมีพร็อพ หรือมีอุปกรณ์ประกอบอะไรบ้าง อย่างวิกผม หมวก รองเท้า อาวุธประจำตัว
บางทีเราซื้อชุดมาใหม่ อยากจะถ่ายรูป ก็ติดต่อเรียกน้องนางแบบให้เข้ามาเป็นแบบให้หน่อย ก็ทำแบบนี้มาเรื่อยๆ ประมาณ 2 ปีได้ พอรู้ตัวอีกที โอ้โห มีชุดคอสเพลย์ที่ซื้อเก็บไว้เป็น 100 ชุดแล้ว
ตอนนั้นเราจะมีเว็บไซต์ส่วนตัว เอาไว้โชว์ผลงานการถ่ายรูป ก็เริ่มมีคนติดต่อเข้ามายืมชุดเรื่อยๆ พอเขาเห็นนางแบบใส่ เขาก็อยากใส่บ้าง หรือบางคนก็ขอยืมไปใส่ในงานปาร์ตี้ งานเลี้ยงปีใหม่ของบริษัท บางคนยังเป็นนักเรียนก็บอกขอยืมไปใส่ในวันกีฬาสีหน่อย เราก็ให้ยืม
ก็เริ่มมองเห็นโอกาสทางธุรกิจบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่มั่นใจ เพราะที่ผ่านมาเราให้เขายืมฟรี ทีนี้พอคนมายืมกันเยอะๆ เข้า เราให้ยืมฟรีไม่ได้แล้ว แต่ก็ไม่แน่ใจว่าถ้าคิดเงินจะยังมีคนยืมกันไหม เพราะชุดคอสเพลย์ในไทยก็หาซื้อได้ไม่ยาก มีขายตามเว็บไซต์อยู่เหมือนกัน
ในช่วงแรกเลยยังไม่กล้าเปิดร้าน ยังคงให้ยืมผ่านทางเว็บไซต์ และให้มาเอาชุดที่หอพักที่เราพักอยู่ในตอนนั้นช่วงหลัง 5 โมงเย็นไปแล้ว เพราะเราต้องทำงานประจำไปด้วย
ปรากฏว่าผลตอบรับดีกว่าที่คิดไว้มาก มีคนเข้ามายืมชุดทุกวัน บางคนมานั่งรอตั้งแต่บ่ายโมง ยิ่งใกล้ช่วงเทศกาลคนยิ่งเยอะ มานั่งรอกันเต็มบริเวณล็อบบี้ ไม่มีที่จะเดิน จนเกรงใจเจ้าของหอพักมาก ในที่สุดก็ตัดสินใจเช่าร้านเพื่อทำธุรกิจอย่างเต็มตัว”
ร้าน Enjoy Suit เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 2554 บนถนนอิสรภาพ ย่านฝั่งธนฯ ในขณะที่เอกชัยก็ยังคงทำงานประจำควบคู่ไปด้วยเหมือนเดิม จึงต้องจ้างพนักงานประจำในการดูแลร้านแทน
ไม่น่าเชื่อว่าลักษณะร้านที่เป็นตึกแถวห้องเล็กๆ จะมีลูกค้าแวะเวียนมาใช้บริการอย่างไม่ขาดสาย จนต้องติดตั้งกล้องวงจรปิดเอาไว้ถึง 2 ตัว เพราะไม่สามารถสอดส่องดูแลลูกค้าได้ทั่วถึง
“เปิดให้บริการมาประมาณ 3 ปี ผลตอบรับก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี คอนเซ็ปต์ของร้านเรา คือ ให้บริการเช่าชุดครอบคลุมทั้งในส่วนของคอสเพลย์ คอสตูม และแฟนซี ตอนนี้มีให้เลือกอยู่ประมาณ 700 แบบ ส่วนมีกี่ชุดนั้นไม่สามารถนับได้หมด เพราะบางแบบก็มีหลายชุด บางแบบก็มีแค่ชุดเดียว
หลักๆ ก็จะเป็นชุดคอสเพลย์ ซึ่งก็คือการแต่งกายเลียนแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเลียนแบบตัวการ์ตูน ตัวละครในหนัง หรือแม้แต่พวกดารานักร้องเกาหลี เราจะมีชุดในส่วนนี้เยอะมากถ้าเทียบกับในร้านอื่น ที่มักจะเน้นไปที่ชุดแฟนซี พวกชุดที่มันวิบวับ ฟู่ฟ่า คล้ายกับชุดนักร้อง หรือชุดหางเครื่องประมาณนั้น
อีกทั้งเรายังมีพร็อพประกอบเยอะมาก เหมือนตัวการ์ตูน หรือตัวละครในหนังจริงๆ ทั้งหัว หน้ากาก วิกผม รองเท้า อาวุธต่างๆ ด้วยความที่มีแบบชุดให้เลือกหลากหลาย ทำให้ลูกค้ามาใช้บริการกับเราเยอะมาก
กลุ่มเป้าหมายหลักของเราจะเป็นกลุ่มพนักงานออฟฟิศ ที่เช่าไปใส่เวลามีงานกินเลี้ยง หรือจัดปาร์ตี้ของบริษัท บางทีก็เป็นงานครบรอบบริษัท งานฉลองโอกาสพิเศษต่างๆ ที่มีมาเรื่อยๆ แต่ถ้าช่วงที่พีกจริงๆ ก็จะเป็นเทศกาลต่างๆ อย่างฮัลโลวีน คริสต์มาส โดยเฉพาะเทศกาลปีใหม่ เพราะส่วนมากทุกบริษัทก็จะจัดงานกินเลี้ยงในช่วงนี้อยู่แล้ว
ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ คิวจะชนกันบ่อยมากในช่วงปีใหม่ ลูกค้าจะชอบกั๊กของ หมายความว่ายังไม่ถึงงานของตัวเองเลยแต่ขอเอาของไปเก็บไว้ก่อน เพราะกลัวว่าเวลาตัวเองจะใช้ขึ้นมาของจะไม่มี บางครั้งชุดติดคิวจองไว้แล้วก็ขอตัดหน้าเอาไปก่อน แล้วพอเอามาส่งคืนไม่ทันทางร้านก็เสียหาย จะเจอเคสอย่างนี้เยอะมากในช่วงเทศกาล เลยต้องเข้มงวดในเรื่องการจองคิวมากเป็นพิเศษ
กลุ่มเป้าหมายที่รองลงมาจะเป็นพวกนักเรียน นักศึกษา ช่วงเวลาพีกของกลุ่มนี้จะเป็นช่วงเดือนมิถุนายน จนถึงสิงหาคม เพราะเป็นช่วงของงานโรงเรียนต่างๆ อย่างเช่นงานกีฬาสี รวมถึงงานรับปริญญา
ส่วนกลุ่มสุดท้าย จะเป็นพวกเช่าชุดไปใช้ในการถ่ายรูปเพื่อเอาไปเป็นโปรไฟล์ในการสมัครงานพวกพริตตี้ หรืองาน MC ช่วงที่เงียบหน่อยก็จะเป็นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ กับมีนาคม แต่ก็ไม่ได้เงียบถึงขนาดไม่มีลูกค้า ก็จะมีเข้ามาเรื่อยๆ
สำหรับรายได้ ถ้าอยู่ในช่วงพีก อย่างช่วงเทศกาลต่างๆ หรือช่วงที่ตรงกับงานโรงเรียน ก็จะอยู่ที่ประมาณ 500,000 บาท ถ้าเป็นช่วงปกติก็จะอยู่ที่ไม่เกิน 200,000-300,000 บาท”
ถึงแม้รายได้ต่อเดือนจะเยอะ แต่เอกชัยเล่าว่า ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม บำรุงรักษาชุด และอุปกรณ์ต่างๆ ก็เยอะไปด้วยเป็นเงาตามตัวเช่นกัน
“ค่าเช่าชุดของเราจะเริ่มต้นที่ 100 กว่าบาท จะเป็นพวกชุดจีน ชุดนางพยาบาล ชุดที่มีราคาแพงหลักพัน โดยมากจะเป็นชุดที่มีหัวสวมด้วยอย่าง ดาร์ธเวเดอร์ จากเรื่องสตาร์วอร์ หรือสัตว์ประหลาดเอเลียน
แต่ก่อนเราเคยแยกค่าเช่า ระหว่างชุด กับพร็อพประกอบต่างๆ แต่ไปๆ มาๆ ก็คิดเงินไม่ถูก ไม่รู้จะตั้งราคาเท่าไรดี บางชุดมีทั้งหัว ทั้งดาบ ทั้งรองเท้า บางชุดมีแค่วิกผม และจะต้องคิดเงินมัดจำอุปกรณ์ด้วยไหม เลยตัดปัญหาโดยการให้เช่าไปเลยทั้งชุด เขาจะใส่ทั้งหมด หรือใส่แค่ไหนก็แล้วแต่
โดยคิดค่ามัดจำชุดละ 500-1,000 บาทขึ้นอยู่กับชุด และพร็อพประกอบ เราให้ระยะเวลาในการเช่าอยู่ที่ 3-4 วัน เพราะเราต้องเอามาซักรีดเองก่อนจะให้คนใหม่เช่าต่อไปได้ นอกจากช่วงที่ไม่ใช่เทศกาล หรือในกรณีที่ลูกค้ามาไกลมากก็มาคุยกับเราได้ อาจจะเพิ่มเวลาให้เป็น 1 อาทิตย์
ในกรณีที่ลูกค้าเอาชุดมาคืนแล้วไม่มีอะไรเสียหาย เราก็จะคืนเงินมัดจำให้ แต่คนที่จะทำธุรกิจนี้ต้องทำใจเพราะเกิดความเสียหายขึ้นบ่อยมาก บางครั้งเราสั่งชุดมาราคา 3,000 บาท ลูกค้าเช่าไปใส่แล้วทำหน้ากากหายไป ทีนี้ใครจะมาเช่าชุดต่อ แต่เราก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากหักค่าประกันแค่นั้น
บางครั้งพวกนักเรียนเช่าไปใส่ กฎอย่างแรกที่เราแปะบอกไว้ภายในร้าน และย้ำทุกครั้งเวลาที่ลูกค้าเข้ามารับชุด คือ ห้ามติดเข็มกลัด ห้ามปัดมุด ห้ามเย็บ แต่พอคืนชุดกลับมา เข็มกลัดยังปักคาชุดอยู่เลยเป็นแถบ ชุดมันก็เป็นรูเสียหาย แถมนักเรียนบางคนไม่มีเงินค่ามัดจำอีก เราก็ได้แต่เอาบัตรนักเรียนเขาไว้ เมื่อเกิดความเสียหายก็ปรับได้อย่างมาก 200 บาท เพราะเขาก็มีเงินอยู่เท่านี้
พนักงานออฟฟิศก็ไม่ต่างกัน เพราะโดยมากเช่าไปใส่ในงานปาร์ตี้ ที่มีการดื่มเหล้า สูบบุหรี่ บางครั้งชุดก็มีรอยขาด บางครั้งเมาอ้วกใส่ชุดเลอะกลับมา ตรงนี้เป็นความจำเป็นที่เราต้องเก็บค่ามัดจำชุดทุกครั้ง ซึ่งโดยมากลูกค้าก็จะเข้าใจ และยินดีที่จะจ่ายอยู่แล้ว เพราะถ้าชุดไม่เสียหายคุณก็ได้เงินประกันตรงนี้คืน”
จริงอยู่ที่ว่าชุดคอสเพลย์หาซื้อได้ไม่ยาก เพราะเริ่มมีคนนำเข้ามาขายตามเว็บไซต์ต่างๆ เยอะขึ้น แต่ก็ยังมีราคาสูง และไม่สามารถลองใส่ได้ ตรงนี้จึงกลายเป็นความได้เปรียบของ Enjoy Suit
“ต้องเข้าใจก่อนว่าแหล่งที่มาของชุดคอสเพลย์มันหลากหลายมาก ถ้าเป็นชุดที่สั่งมาจากอเมริกา โดยมากจะมีเป็นไซส์ ตั้งแต่ S M L XL แต่ถ้าสั่งจากญี่ปุ่น หรือสั่งจากจีน อันนี้แล้วแต่โรงงานเลย แต่โดยมากมักจะเป็นขนาดฟรีไซส์ ถ้าลูกค้าไม่ได้ลองใส่ จะไม่มีทางรู้เลยว่าตัวเองใส่ได้หรือไม่
แล้วชุดคอสเพลย์พวกนี้มีราคาแพง ถ้าสั่งซื้อมาจากอินเทอร์เน็ตแล้วใส่ไม่ได้ก็คือจบเลย จะไปขายต่อใครก็ไม่ได้ แล้วโดยมากก็เป็นการใช้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น มันก็ไม่คุ้มที่จะลงทุนแพงๆ
ลูกค้าที่มาเช่าชุดที่ร้าน โดยมากทุกคนจะหาเวลามาลองใส่ชุดก่อน บางครั้งดูแบบมาจากในเว็บไซต์ หรือ Facebook แล้วยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะใส่ชุดไหนดี ผมบอกให้มาลองที่ร้านเลย ชุดไหนใส่แล้วสวยก็ค่อยเช่าชุดนั้นไป บางคนลองเป็น 10 ชุด กว่าจะได้ชุดที่ถูกใจก็มี
สำหรับช่องทางในการสั่งสินค้า หลักๆ ก็เป็นการสั่งซื้อจากอินเทอร์เน็ต แต่ละแบบสั่งจำนวนกี่ชุดก็ขึ้นอยู่กับความฮิต หรือกระแสในขณะนั้น แต่โดยมากเราจะสั่งเข้ามาลองแบบละตัวก่อน ถ้ากระแสดี คนจองคิวกันเยอะ ก็จะเพิ่มเข้ามาอีก ซึ่งเราจะเข้าไปดูสินค้าตามเว็บต่างประเทศทุกวัน เช็กว่ามีอะไรมาใหม่บ้าง
หรือเร็วๆ นี้หนังฟอร์มใหญ่เรื่องไหนกำลังจะเข้าฉาย ก็จะไปหาชุดของตัวเอกมาเตรียมไว้ก่อน ตั้งแต่เปิดร้านมาก็สั่งของไปแล้ว 120 ออเดอร์ อันนี้เฉพาะออเดอร์ใหญ่ๆ ที่สั่งครั้งละหลายสิบชุด ไม่นับพวกออเดอร์เล็กๆ เพราะในแต่ละเว็บไซต์ก็ไม่ได้มีของที่เราต้องการทั้งหมด เว็บไซต์นี้อาจจะมีแต่ชุด เราก็ต้องไปหาพร็อพเอาเองจากเว็บไซต์อื่น
หรือแม้แต่ละครไทยเองก็ได้รับการแต่งเลียนแบบเยอะไม่แพ้กัน อย่างในช่วงที่ผ่านมาจะมีละครของช่อง 3 เรื่อง รอยฝันตะวันเดือด กับรอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ที่เป็นเรื่องของประเทศญี่ปุ่น ตัวเอกจะใส่พวกกิโมโน ยูคาตะ ซามูไร เรารู้แล้วว่ามันจะต้องได้รับความนิยม ก็เตรียมสั่งตัดชุดเอาไว้ก่อนเลย พร้อมสั่งพวกวิกผม รองเท้าเกี๊ยะ เครื่องประดับต่างๆ เหมือนที่ในหนังใส่ ซึ่งชุดญี่ปุ่นพวกนี้กลายเป็นชุดที่ได้รับความนิยมมาจนถึงทุกวันนี้ ของออกทุกอาทิตย์”
กว่า 4 ปีในการทำธุรกิจร้าน Enjoy Suit เป็น 3 ปีที่ต้องเรียนรู้อยู่ตลอดเวลาถึงพฤติกรรมของผู้บริโภค รวมถึงความต้องการที่แตกต่างกันไปของลูกค้าในแต่ละกลุ่ม
“อย่างหนึ่งที่เราสังเกตได้ คนไทยในปัจจุบันนี้มีความชอบในการแต่งชุดคอสเพลย์ และมีความกล้าเพิ่มมากขึ้น บางคนเป็นสาวออฟฟิศ แต่งตัวเรียบร้อยมาก แต่อยากได้ชุดที่โป๊ และเซ็กซี่มาก เราก็บอกให้เขามาลองใส่ที่ร้านก่อน เพราะคิดว่าคงไม่กล้าใส่ ก็จะได้เปลี่ยนแบบอื่นไป ปรากฏว่าลูกค้ามาถึงบอกขอชุดที่เซ็กซี่ที่สุด สั้นที่สุด และเลือกชุดนั้นไป
ลูกค้าบางคนก็มาเล่าให้เราฟังว่า ใส่ชุดคอสเพลย์เดินตามท้องถนน บางคนใส่ขึ้นรถไฟฟ้า เพราะจะไปงานรับปริญญาเพื่อนที่จุฬาฯ คนก็มามุงดูเต็มไปหมด แถมบางคนยังขอเข้ามาถ่ายรูปด้วย ถ้าเป็นแต่ก่อนคนอาจจะอาย อาจจะไม่ชอบที่กลายเป็นจุดสนใจ
แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว โลกมันเปลี่ยนไปมาก กลายเป็นว่าทุกคนอยากจะมีตัวตนในสังคม ตรงนี้น่าจะเป็นเพราะการเข้ามาของสื่อ Social Media ที่ทำให้คนกล้าที่จะทำอะไรมากขึ้น และอยากจะอวดความเป็นตัวตนของตัวเองให้คนอื่นได้เห็น กลายเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยกระตุ้นให้ธุรกิจเช่าชุดคอสเพลย์ของเราเติบโตได้อย่างรวดเร็ว”
เป้าหมายจากนี้ไปของเอกชัย คือ การขยายไลน์สินค้าไปยังกลุ่มคนอ้วน เพราะเท่าที่ผ่านมาหากมีการแสดงกลุ่ม จะต้องมีอย่างน้อย 1-2 คนที่เป็นคนอ้วน ไม่สามารถใส่ชุดฟรีไซส์ได้ ซึ่งในขณะนี้ก็เริ่มมีตัดเสื้อผ้าไซส์ใหญ่ขึ้นมาบ้างแล้ว
หากถ้าผลตอบรับเป็นไปได้ดีก็อาจจะขยายสาขาเพิ่มในส่วนของชุดคอสเพลย์สำหรับคนอ้วนต่อไปในอนาคตก็เป็นได้
@@@ ข้อมูลโดย นิตยสาร SMEs PLUS @@@
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *