จากการที่สัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะสุนัข-แมวได้รับความนิยมในหมู่คนโสด คู่สมรสที่ยังไม่มีบุตร ผู้สูงวัย ซึ่งเป็นกลุ่มที่ถือว่ากล้ามากพอที่จะควักเงินในกระเป๋าครั้งละจำนวนมากเพื่อซื้อสินค้าให้แก่สัตว์เลี้ยงตัวโปรดที่เลี้ยงประหนึ่งคนในครอบครัว ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทายาทธุรกิจสาวสวย เครื่องดื่มชูกำลัง “กระทิงแดง” ชื่อ “ฐิติกุล อยู่วิทยา” หรือ พลอย หญิงสาววัย 25 ปี จึงยอมควักกระเป๋าเปิดอาณาจักรสินค้า-บริการสัตว์เลี้ยงครบวงจร ภายใต้ “บริษัทเพ็ทโปร กรุ๊ป จำกัด”
เปิดครอบคลุม พร้อมเป็นกูรู
คุณพลอย เจ้าของ “บริษัทเพ็ทโปร กรุ๊ป จำกัด” เล่าว่า หลังจากที่เปิดบริการอาบน้ำ ตัดขนสัตว์เลี้ยงเคลื่อนที่ที่รู้จักกันในนาม “พอว์พาลส์” เมื่อ 2 ปีก่อน ปรากฏกระแสการตอบรับดีมาก ต่อมาปี 2013 ได้จดทะเบียนบริษัทชื่อ “เพ็ทโปร กรุ๊ป จำกัด” ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงทั้งหมดแบบเต็มรูปแบบ บริการครบวงจร
“เพ็ทโปร กรุ๊ป จำกัด” ที่คุณพลอยบอกว่าครอบคลุมทุกธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยง มีตั้งแต่ ผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยง, ฟาร์มสัตว์เลี้ยง, บริการอาบน้ำ ตัดขน, นิตยสารสัตว์เลี้ยง, โรงพยาบาล, รับจัดงานที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง, รายการทีวีสัตว์เลี้ยง, จัดพิธีฌาปนกิจสำหรับสัตว์เลี้ยง, คาเฟ่สัตว์เลี้ยง เรียกว่าภารกิจของเพ็ทโปร กรุ๊ป คือ การดูแลเพื่อนสี่ขาของคุณตั้งแต่แรกเกิด จนถึงวันสุดท้ายของชีวิตเพื่อนสี่ขาด้วยการบริการที่ดี และมีความสะดวกสบาย
สำหรับคอนเซ็ปต์เพ็ทโปร (หนึ่งธุรกิจในเครือเพ็ทโปร กรุ๊ป จำกัด) คือ ซูเปอร์มาร์เกตสัตว์เลี้ยง ลงทุนเกือบ 10 ล้านบาท บนพื้นที่ 500 ตารางเมตร มีข้าวของจำเป็นของสุนัข แมว หนู กระต่าย นก ปลา สัตว์เลื้อยคลาน จากแบรนด์ชั้นนําและแบรนด์ใหม่ๆ เช่น อาหาร ขนม ของเล่น ปลอกคอ อุปกรณ์กรูมมิ่ง กรง เสื้อผ้า ยา วิตามิน แอ็กเซสซอรีต่างๆ
ธุรกิจสัตว์เลี้ยงไม่ซบตาม ศก.
สำหรับจำนวนสินค้าในเพ็ทโปรมีมากกว่า 10,000 รายการ มีทั้งของไทยและนำเข้า เช่น อเมริกา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เปิดมาได้ 6 เดือน ตั้งอยู่ที่ถนนชัยพฤกษ์ กระแสตอบรับดีเกินความคาดหมาย ลูกค้ามีตั้งแต่กำลังซื้อสูง ถึงระดับปานกลาง นอกจากนั้นยังชูกลยุทธ์อำนวยความสะดวกสบายให้ลูกค้าด้วยบริการจัดส่งสินค้าทุกอย่างไปถึงหน้าประตูบ้านในเวลาไม่กี่วันเฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
“เพ็ทโปรเปิดได้ 6 เดือน มีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาต่อวัน 150-200 คน กำลังซื้อต่อคนมีตั้งแต่หลักร้อยไปถึงหมื่นบาท สินค้าที่ขายดีเป็นกลุ่มอาหารสุนัข นมแพะ”
พลอยเล่าถึงการเติบโตของตลาดสัตว์เลี้ยงว่า ตลาดสัตว์เลี้ยงในไทยใหญ่เป็นอันดับ 3 ในเอเชีย รองจากตลาดความงาม และประกันภัย ซึ่งเป็นตลาดที่โตขึ้นทุกปี แม้ว่าเศรษฐกิจจะซบเซาแค่ไหน และจากพฤติกรรมคนไทยที่เริ่มแต่งงานน้อยลง มีลูกน้อยลง ทำงานเยอะขึ้น คนหันมาเลี้ยงสุนัขและแมวพันธุ์เล็กลงเรื่อยๆ เลี้ยงสุนัข 70% เลี้ยงแมว 30% กลุ่มเพศที่ 3 ในไทยก็หันมาเลี้ยงสัตว์มากขึ้นด้วย คนกลุ่มนี้เลี้ยงอย่างดี ทะนุถนอมเหมือนลูก ส่วนตัวเลยมองว่าธุรกิจสัตว์เลี้ยงมีทิศทางที่ดี และมีอนาคตไกล
แผนขยายสาขาแบบ 2 โมเดล
สำหรับจุดเริ่มต้นของธุรกิจทั้งหมด เกิดจากทายาทธุรกิจหมื่นล้านเดินทางไปต่างประเทศเยอะ เห็นเทรนด์ธุรกิตสัตว์เลี้ยงต่างประเทศมามากเลยมองว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ในต่างประเทศ เพียงแต่ว่าเมืองไทยยังไม่มี
ในปี 2556 มีข่าวหน้า 1 ของหนังสือพิมพ์ในฮ่องกงเผยตัวเลขค่ารักษาพยาบาลสัตว์เลี้ยงว่าแพงกว่าค่ารักษาพยาบาลคนเป็นเท่าตัว โดยค่าตรวจรักษาโรคทั่วไปในเวลาทำการ สัตว์เลี้ยงจะอยู่ที่ 330 เหรียญฮ่องกง หรือประมาณ 1,320 บาท และจะแพงกว่ากันอีกถ้าเป็นเรื่องฉุกเฉิน หรือนอกเวลา ในหมู่ผู้มีรายได้สูง คนโสด ผู้สูงวัย จะปฏิบัติต่อสัตว์เลี้ยงเหมือนเป็นสมาชิกหนึ่งของครอบครัว การดูแลทุกอย่างจะเป็นระดับไฮคลาสไปด้วย
สำหรับแผนธุรกิจในอนาคต นักธุรกิจอายุยังน้อยกล่าวว่า ในปี 2558 จะขยายสาขาซูเปอร์มาร์เกตสัตว์เลี้ยง โดยมี 2 โมเดลที่คิดไว้ คือ เปิดโอกาสให้นักลงทุนที่สนใจร่วมลงทุน กับเปิดสาขาเองซึ่งตอนนี้ได้พื้นที่แล้ว
โทร. 0-2576-1588
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *