ปลัดพาณิชย์เชื่อเศรษฐกิจปี 58 โตถึง 4.5% จากสภาพตลาดโลกเริ่มฟื้นกระตุ้นภาคส่งออกไทย ขณะที่ธนาคารโลกมั่นใจไทยอาจโตถึง 5% หากภาครัฐดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจตามเป้า เผย 7 แนวโน้มธุรกิจการค้าโลก เพิ่มความได้เปรียบคู่แข่งขัน
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงทิศทางเศรษฐกิจไทยในปี 2558 ในงานสัมมนาโครงการพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เรื่อง “SMEs...ผู้ผลิตพบผู้ซื้อ” ว่า ทิศทางเศรษฐกิจไทยในปี 2558 จะเติบโตขึ้นจากปี 2557 เล็กน้อย อยู่ที่ 3.5-4.5% โดยการส่งออกจะขยายตัวประมาณ 4% อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในช่วง 1.4-2.4% การบริโภคในครัวเรือนและการลงทุนจะขยายตัวประมาณ 2.6% และ 5.8% ตามลำดับ
ทั้งนี้ คาดว่าสิ้นปี 2557 อัตราการเติบโตจะอยู่ที่ 3% เท่านั้น จากการคาดการณ์ไว้ที่ 4.7-5% ขณะที่ธนาคารโลกได้เคยคาดการณ์ไว้ที่ 3.1-3.2% จากปัญหาของประเทศคู่ค้าหลักที่ชะลอตัว และลดการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ อย่าง สหรัฐอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น ขณะที่ตลาดรอง อย่างจีนเศรษฐกิจก็เริ่มชะลอตัว ไม่เน้นการส่งออก แต่เป็นการปฏิรูปเศรษฐกิจในประเทศแทน ขณะที่ปี 2558 คาดว่าสภาพเศรษฐกิจและตลาดทั่วโลกจะดีขึ้น จากประเทศมหาอำนาจเริ่มมีกำลังซื้อส่งผลให้ภาคการส่งออกของไทยเติบโตตามไปด้วย
ส่วนเศรษฐกิจในประเทศไทย ยังมีแนวโน้มการเติบโตดี มีการบริโภคภายในประเทศมากขึ้น แม้ภาคส่งออกจะลดลงไปบ้าง ซึ่งเกิดจากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ การลงทุนของรัฐบาลเรื่องโครงสร้างต่างๆ เช่น รถไฟรางคู่ การปฏิรูปเรื่องการบริหารจัดการน้ำ ทำให้เศรษฐกิจไทยเข้มแข็งขึ้น ลดการพึ่งพาต่างชาติเพียงอย่างเดียว รวมถึงนโยบายการลดขั้นตอน ลดการซ้ำซ้อน และอุปสรรคต่างๆ ในการให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทย โดยใช้เทคโนโลยีด้านดิจิตอลและไอทีเข้ามาช่วย
ขณะที่ธนาคารโลกมองว่า ในปี 2558 หากประเทศไทยสามารถดำเนินโครงการปฏิรูปประเทศได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้อาจโตได้ 5-6% จากปัจจัยสนับสนุนในปีหน้า ได้แก่ ภาพรวมแนวโน้มการส่งออกดีขึ้น การค้าชายแดนเติบโตอย่างเห็นได้ชัด รัฐบาลมีนโยบายตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษนำมาซึ่งการลงทุนจากประเทศเพื่อนบ้าน แนวโน้มการลดลงของน้ำมันเชื้อเพลิง ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไทยดีขึ้นหลังไม่มีความขัดแย้ง และการบริโภคภายในประเทศขยายตัวจากการจัดมหกรรมสินค้าราคาถูกให้ประชาชน
สำหรับทิศทางธุรกิจการค้าในโลกอนาคต ได้แก่ 1. หลายประเทศทั่วโลกจะมีการกีดกันทางการค้ามากขึ้น ด้วยการอ้างเรื่องสิ่งแวดล้อม, แรงงานเด็ก, สิทธิมนุษยชน 2. จะมีการแข่งขันทางการค้าและใช้เทคโนโลยีใหม่ เน้นการออกแบบ และสร้างเอกลักษณ์ของตัวเองเพื่อสร้างความแตกต่างให้สินค้า 3. เศรษฐกิจภูมิภาคอาเซียนจะกลายเป็นฐานการผลิต และมีการสร้างมาตรฐานเดียวกันในเออีซี 4. ในอนาคตธุรกิจภาคบริการจะโดดเด่นและนำมาซึ่งรายได้ 5. สังคมจะก้าวสู่เศรษฐกิจดิจิตอล เพราะทุกอย่างต้องใช้เทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุนการผลิต 6. ไทยจะกลายเป็นสังคมเมืองมากขึ้น ชนชั้นกลางมีกำลังซื้อ เพราะฉะนั้นต้องผลิตสินค้าเพื่อตอบสนอง และ 7. ตลาดกำลังเดินเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้สินค้าที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพทั้งประเภทสินค้าและบริการมีโอกาสเติบโตสูง
ปลัดกระทรวงพาณิชย์กล่าวด้วยว่า ยังเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจการค้าโลกและไทยในปีหน้าจะมีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นภาคเอกชนโดยเฉพาะเอสเอ็มอีจำเป็นต้องมีการวางแผนและปรับตัวอยู่เสมอ ซึ่งโอกาสที่กำลังจะมาในปีหน้าควรเก็บเกี่ยวผลประโยชน์อย่างเต็มที่จากตลาดเออีซี รวมถึงการค้าในยุค Pre-AEC ด้วย
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *
