สสว. เผยธุรกิจความงามและดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุ มีอัตราเติบโตสูง ทำกำไรได้สูงถึง 200% ชี้ในเมืองไทยยังไม่มีแฟรนไชส์ลักษณะนี้เลย แนะเป็นโอกาสน่าสนใจจะเข้าทำแฟรนไชส์
ดร.วิมลกานต์ โกสุมาศ รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวในงานสัมมนา ‘Franchise Guide 2014’ ซึ่งร่วมกันจัดระหว่างสมาคมแฟรนไชส์ไทยกับบริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) ว่า ข้อดีของธุรกิจแฟรนไชส์ คือ ความง่ายของมือใหม่ที่จะอยากจะเริ่มต้นทำธุรกิจ เพราะจะได้ทั้งในด้านความรู้ ประสบการณ์ของเจ้าของแฟรนไชส์ที่จะมาถ่ายทอด รวมถึง ยังได้รับความเชื่อถือมากกว่า โดยเฉพาะการเข้าถึงแหล่งทุน หากเป็นหน้าใหม่ เป็นเรื่องยากที่สถาบันการเงินจะอนุมัติสินเชื่อให้ แต่หากซื้อแฟรนไชส์กับแบรนด์ที่มีชื่อเสียงย่อมได้รับการอนุมัติที่ง่ายกว่า
ทั้งนี้ แฟรนไชส์ในประเทศไทยส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจเกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่ม แต่สิ่งที่อยากจะฝากให้แก่ผู้ที่กำลังคิดจะสร้างธุรกิจแฟรนไชส์ น่าจะหันมาริเริ่มธุรกิจเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุ เพราะจากการเก็บข้อมูลของ สสว. พบว่า ปัจจุบันทั่วโลกธุรกิจเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุกำลังประสบความสำเร็จอย่างสูง และที่สำคัญเป็นธุรกิจที่มีอัตราทำกำไรสูงมากกว่า 200%
“จากการเก็บข้อมูลผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของไทยประมาณ 3 แสนรายของ สสว. พบว่า โดยเฉลี่ยเอสเอ็มอีไทยมีอัตรากำไรจากการทำธุรกิจเฉลี่ยแค่ประมาณ 4% เท่านั้น ในขณะธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพความงาม และการดูแลสุขภาพมีอัตราทำกำไรสูงถึง 200% ซึ่งในต่างประเทศ เช่น สหรัฐฯ ยุโรป เริ่มมีธุรกิจแฟรนไชส์เกี่ยวกับธุรกิจดังกล่าวแล้ว แต่สำหรับในเมืองไทยยังไม่มีเลย ดังนั้น อยากฝากว่า ถ้าสำหรับผู้ที่กำลังคิดจะทำแฟรนไชส์ ธุรกิจเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ จึงเป็นโอกาสที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ซึ่งเวลานี้ ทาง สสว.ได้มีโครงการร่วมมือกับต่างประเทศแล้ว เพื่อส่งเสริมธุรกิจนี้ในเมืองไทย” ดร.วิมลกานต์ กล่าว
ด้านนางสาวสมจิตร ลิขิตสถาพร นายกสมาคมแฟรนไชส์ไทย กล่าวว่า ปัจจุบันในเมืองไทยมีแฟรนไชส์ประมาณ 320 แบรนด์ แบ่งเป็นธุรกิจอาหาร 100 แบรนด์ เครื่องดื่ม 110 แบรนด์ ค้าปลีก 30 แบรนด์ บริการ 40 แบรนด์ และการศึกษา 50 แบรนด์ โดยร้านที่อยู่ในระบบแฟรนไชส์ มีอัตราการเติบโตต่อเนื่องทุกปีเฉลี่ย 20-25% โดยมีสาขารวมกว่า 80,000 แห่ง และมีอัตราเกิดใหม่ไม่ต่ำกว่า 20 แห่งต่อวัน โดยเป็นการเปิดโดยบริษัทแม่เอง 30-40% และของผู้ลงทุนแฟรนไชส์ 60-70%
ทั้งนี้ การเลือกซื้อแฟรนไชส์ ผู้ลงทุนควรหาข้อมูลให้แน่ใจเสียก่อน วิธีที่ดีที่สุด คือเยี่ยมชมร้านที่เปิดอยู่แล้ว และควรหาโอกาสพูดคุยกับผู้ลงทุนซื้อแฟรนไชส์มาก่อนแล้วหลายๆ ราย และควรเลือกลงทุนในแฟรนไชส์ที่มีแบรนด์น่าเชื่อถือ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยง
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *