จากวิกฤตการณ์ด้านพลังงานของประเทศไทยที่ต้องเผชิญสภาวะความต้องการใช้พลังงานที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี รวมถึงการพึ่งพาการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศที่กำลังกลายเป็นวาระสำคัญของประเทศชาติที่จะต้องร่วมกันหาทางออก เป็นที่มาสำคัญของ สำนักงานใต้ร่มพระบารมี ในการน้อมนำพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาบูรณาการใช้เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน และประเทศชาติอย่างยั่งยืน
โดยเน้นในเรื่องของการพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็ง โดยการสร้างและพัฒนาอาชีพในชุมชน การพัฒนาพลังงานทดแทน การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รักษ์น้ำ รักษ์ป่า การสร้างความสมานสามัคคีในชุมชน และการดำรงชีวิตอย่างมีความสุข มีความพอเพียงและแบ่งปันกัน มาพัฒนาภายใต้ “โครงการใต้ร่มพระบารมี 87 ชุมชนสู่สังคมแห่งการแบ่งปันการพัฒนา”
นายชัยรินทร์ นพเฉลิมโรจน์ เลขาธิการสำนักงานใต้ร่มพระบารมี กล่าวถึงโครงการดังกล่าวว่าจะมุ่งเน้นการพัฒนา ซึ่งประกอบไปด้วยการพัฒนาชุมชนในถิ่นทุรกันดารที่ไม่เหมาะสมต่อการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจหลักจำนวน 87 แห่ง ภายใต้แนวความคิดของสังคมแห่งการแบ่งปัน “การเกษตรยุคใหม่ และป่าหญ้าสายพันธุ์ 4190 คนพัฒนาป่า ป่าพัฒนาชุมชน” เพื่อเป็นราชกุศลและเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 87 พรรษาในวันที่ 5 ธันวาคม 2557 นี้ ทั้งนี้เป็นการปลุกจิตสำนึกให้ประชาชนได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ถึงความห่วงใยที่พระองค์ท่านทรงมีต่อปวงชนชาวไทยตลอดมาว่าสิ่งที่ทำให้พระองค์ท่านมีความสุขคือการเห็นประชาชนมีความสุขนั่นเอง
สำหรับการดำเนินโครงการในครั้งนี้ การปลูกป่าหญ้าสายพันธุ์ 4190 ซึ่งมีสำนักงานใต้ร่มพระบารมีเป็นเจ้าของสิทธิบัตร พร้อมสร้าง 87 ชุมชนแห่งการแบ่งปันตามแนวคิดเกษตรยุคใหม่ โดยแต่ละชุมชนจะมีเนื้อที่ประมาณ 1,500 ไร่ ซึ่งจะถูกพัฒนาที่ดิน ดูแลสิ่งแวดล้อม วางแบบแปลนการพัฒนาชุมชน ไม่ว่าจะเป็นแหล่งน้ำ แก้มลิง สะพาน โครงสร้างพื้นฐาน อาคารอเนกประสงค์ โรงไฟฟ้าชุมชน และอื่นๆ พร้อมด้วยพื้นที่สำหรับปลูกหญ้าสายพันธุ์ 4190 ของแต่ละครัวเรือน จำนวน 135 ครัวเรือน คัดเลือกมาจากครอบครัวที่ยากจน ไม่มีที่ทำกิน มาร่วมกันอยู่ในชุมชนแห่งนี้ แบ่งพื้นที่ให้คนละ 15 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ปลูกหญ้สายพันธุ์ 4190 จำนวน 10 ไร่ และที่เหลือจัดสรรให้ปลูกพืชอื่นๆ เพื่อเลี้ยงชีพตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง เช่น ปลูกผักออร์แกนิก เลี้ยงสัตว์ เพาะเห็ด เพื่อไว้สำหรับบริโภค ที่เหลือจะแบ่งขาย ซึ่งในแต่ละครอบครัวจะมีรายได้จากการจำหน่ายหญ้า และรายได้จากการจำหน่ายเห็ด และพืชผักอื่นๆ ที่เหลือจากการบริโภค ซึ่งในแต่ละครอบครัวมีรายได้เริ่มต้นโดยเฉลี่ย 120,000 บาทต่อปี
ทั้งนี้ การทำโครงการดังกล่าวเพื่อแก้ปัญหาพลังงานแล้ว เงินที่ได้จากการจำหน่ายพลังงานเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ด (Wood Pellet) นำกลับมาพัฒนาชุมชนที่อยู่ใกล้เคียงกับโครงการ และแบ่งรายได้ส่วนหนึ่งสนับสนุนทุนการศึกษาให้แก่บุตร ธิดาที่อาศัยอยู่ในชุมชนด้วย ถามถึงความต้องการพลังานชนิดนี้ ในโลกยังมีความต้องการอีกมาก แต่ทั่วโลกยังไม่สามารถหาพลังงานในลักษณะนี้ได้
สำหรับหญ้าสายพันธุ์ 4190 มีชื่อเป็นภาษาจีนว่า JUNCAO ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์จากสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยการผสมผสานสายพันธุ์จากอ้อย ไผ่ และหญ้าสายพันธุ์เนเปียร์ จนกลายเป็นหญ้าทองแห่งพลังงานทดแทน หญ้าแห่งการพัฒนาและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หญ้าแห่งอาหารอันสมบูรณ์ของพืชและสัตว์ทุกชนิด ถือว่าเป็นหญ้ามหัศจรรย์ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ใน 2 รูปแบบ คือ หนึ่ง เป็นพืชอาหารสัตว์ และ สอง ใช้ในด้านการผลิตพลังงานโดยสามารถนำไปผลิตเป็นเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ด (Wood Pellet) ที่ให้พลังงานสูงถึง 4,190 Kal/kg ซึ่งมากกว่าถ่านหิน และที่สำคัญคือมีค่าซัลเฟอร์ (Sulfur) เพียง 0.10% ทำให้ไม่เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม และสามารถเจริญเติบโตได้ดีในภูมิอากาศอย่างประเทศไทย โดยในการลงทุนปลูกหญ้าสายพันธุ์ 4190 1 ครั้งจะสามารถเก็บเกี่ยวได้นานถึง 20 ปี
โทร. 0-2267-2600
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *
