ธนาคารกสิกรไทย ชี้แนวโน้มเอสเอ็มอี ที่มาขอผ่อนชำระเงินต้นเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจโรงแรม อสังหาริมทรัพย์ และภาคการเกษตร เฟอร์นิเจอร์ เชื่อภาพรวมเอสเอ็มอี ยังมีเงินสดสำรองดำเนินธุรกิจต่อ แต่ความไม่แน่นอนกำลังซื้อ ทำให้กระทบสินค้าคงคลัง ปีนี้ ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อเอสเอ็มอีไว้ที่ 6-8%
นายพัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยถึง แนวโน้มของธุรกิจเอสเอ็มอี ว่า ขณะนี้เอสเอ็มอี ได้มีการติดต่อขอผ่อนผันการชำระเงินต้น เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของไตรมาสแรก ที่ลูกค้าขอผอนปันการชำระเงินต้นไปแล้วประมาณ 9 พันล้านบาท ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการชะลอตัวของกำลังซื้อ ที่ส่งผลให้กระแสเงินสดลดลง โดยเฉพาะลูกค้าที่อยู่ในธุรกิจโรงแรม อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับภาคเกษตร และเฟอร์นิเจอร์ ที่เข้ามาขอรับความช่วยเหลือในช่วงที่ผ่านมา โดยธนาคารขยายเวลาผ่อนผันของเงินต้นให้ลูกค้าประมาณ 6 เดือน
อย่างไรก็ตามภาพรวมของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ในขณะนี้ยังมีเงินสดสำรอง สำหรับการดำเนินธุรกิจอยู่ แต่ความไม่แน่นอนของกำลังซื้อที่กระทบสินค้าคงคลังที่ยังค้างสต็อก ทำให้ผู้ประกอบการต้องการขยายเวลาการผ่อนชำระไปก่อนจนกว่าจะสามารถระบายสินค้คงคลังออกไปได้
“ลูกค้าเข้ามาขอยืดเวลาชำระเงินต้น แต่ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยยังจ่ายปกติ และเชื่อว่าเมื่อลูกค้ามีรายได้เพิ่มขึ้นก็จะกลับมาชำระหนี้คืนให้กับธนาคาร แต่สถานการณ์ความเชื่อมั่นของกำลังซื้อที่ยังไม่ฟื้นตัวนัก ทำให้เชื่อว่านอกจากลูกค้าเอสเอ็มอีที่เข้ามาขอรับความช่วยเหลือแล้ว จะยังมีลูกค้าบางส่วนที่ต้องการเข้าสู่มาตรการดังกล่าวอีกด้วย โดยลูกค้าที่น่าเป็นห่วงคือธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับภาคการเกษตร เช่น ขายปุ๋ย เมล็ดพันธุ์พืช เนื่องจากชาวนายังไม่ได้รับเงินจากโครงการรับจำนำข้าวเป็นจำนวนมากทำให้ไม่มีเงินมาจ่ายชำระหนี้คืนให้กับผู้ประกอบการที่เป็นเจ้าหนี้ ซึ่งเชื่อว่าเมื่อชาวนาได้เงินมาแล้วและจ่ายหนี้คืนให้เจ้าหนี้”
นอกจากนี้ในช่วงที่กำลังซื้ออยู่ในระดับต่ำเช่นนี้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการชำระคืนหนี้มากกว่าการขอสินเชื่อใหม่ ทำให้ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ธนาคารสามารถขยายสินเชื่อได้ 6.5 หมื่นล้านบาทคิดเป็นการเติบโตในระดับ 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและทำให้ยอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 5.3 แสนล้านบาท ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมยังเติบโตได้ในระดับ 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 16% มาอยู่ที่ 9.6 พันล้านบาท
ทั้งนี้ธนาคารตั้งเป้าหมายสินเชื่อเอสเอ็มอีปีนี้ไว้ที่ 6-8% หรือคิดเป็นมูลค่า 31,800 ล้านบาท และพอร์ตสินเชื่อคงค้างจะอยู่ที่ 5.6 แสนล้านบาท และในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาเริ่มเห็นสัญญาณสินเชื่อเริ่มปรับตัวดีขึ้นแล้ว และในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าความต้องการสินเชื่อจะเพิ่มขึ้นจากภาคเกษตรเนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตสินค้าเกษตร เช่น มันสำปะหลัง และยางพารา เชื่อว่าพ่อค้าหรือผู้ประกอบการต้องการเงินไปซื้อสินค้าเกษตรในช่วงนี้เป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตามในสถานการณ์ที่ยังมีความไม่แน่นอน ทำให้กลยุทธ์ของธนาคารในปีนี้จะเน้นการดูแลลูกค้าเก่ามากกว่าการขยายฐานลูกค้าใหม่ แต่ยอมรับว่าในเดือนที่ผ่านมามีลูกค้าใหม่เข้ามาจากธนาคารแห่งอื่นที่มีเงื่อนไขที่เข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าใหม่ที่เป็นผู้ประกอบการขนาดกลาง ซึ่งธนาคารเห็นว่าเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำ เนื่องจากลูกค้าเอสเอ็มอีขนาดกลางจะมีความพร้อมมากกว่า ปัจจุบันหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอลสินเชื่อเอสเอ็มอีทรงตัวเฉลี่ยอยู่ที่ 3%
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *