xs
xsm
sm
md
lg

ชี้ “เวียดนาม” ดาวรุ่ง AEC ปลุกอาหารไทยเน้นคุณภาพคว้าโอกาสส่งออก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์อัจฉริยะเพื่ออุตสาหกรรมอาหารเผยรายงานพฤติกรรมผู้บริโภค ชี้ตลาดเวียดนามดาวรุ่งใน AEC ระบุคนชั้นกลางรายได้สูงเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน กำลังซื้อสูงพร้อมนิยมแบรนด์เนม ชี้เป็นโอกาสของสินค้าไทยโดยเฉพาะกลุ่มอาหารที่เป็นที่นิยมของชาวเวียดนามอยู่แล้ว แนะเน้นคุณภาพและสร้างแบรนด์ให้เกิดความเชื่อมั่น

สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม โดยศูนย์อัจฉริยะเพื่ออุตสาหกรรมอาหาร ทำรายงานพฤติกรรมผู้บริโภคในประเทศประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เรื่อง “พฤติกรรมและอำนาจซื้อที่กำลังเปลี่ยนแปลงของเวียดนาม” พบว่ามีการคาดการณ์โดยบริษัท Boston consulting group สาขาเวียดนาม ว่าระหว่างปี 2556-2563 ชนชั้นกลางและคนที่ร่ำรวยในเวียดนามจะเพิ่มขึ้นจาก 12 ล้านคน เป็น 33 ล้านคน จากจำนวนประชากรทั้งหมดกว่า 90 ล้านคน

ผลการสำรวจดังกล่าวระบุว่าผู้บริโภคชนชั้นกลางกลุ่มนี้ซึ่งมีรายได้ต่อเดือน 15 ล้านด่งขึ้นไป หรือราว 21,327 บาท ไม่ได้เพิ่มจำนวนขึ้นเท่านั้น แต่ยังกระจายตัวอาศัยอยู่ในพื้นที่ทั่วประเทศนอกจากโฮจิมินห์ และฮานอย ผลการศึกษาระบุด้วยว่า ภายในปี 2563 รายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อปีของคนเวียดนามจะเพิ่มขึ้นจาก 1,400 ดอลลาร์สหรัฐ เป็น 3,400 ดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ผู้บริโภคชาวเวียดนามเป็นกลุ่มที่มีโอกาสเติบโตมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มากกว่าชนชั้นกลางในจีน อินเดีย อินโดนีเซีย และประเทศตลาดเกิดใหม่เติบโตเร็วอื่นๆ

ผู้บริโภคกลุ่มนี้ราว 80% ซื้อของในห้างสรรพสินค้าหรือซูเปอร์มาร์เกตในช่วงเทศกาลหรือโอกาสพิเศษเป็นอย่างน้อย แต่ตลาดแบบดั้งเดิมและค้าปลีกสมัยใหม่จะยังคงแข่งขันช่วงชิงลูกค้าอย่างต่อเนื่องไปได้อีกหลายปี ขณะเดียวกันผู้บริโภคมีแนวโน้มเลือกซื้อสินค้าคุณภาพสูง ซึ่งเปิดโอกาสให้แก่สินค้าแบรนด์ระดับไฮเอนด์หรือราคาแพง
ทั้งนี้ เศรษฐกิจเวียดนามมีการเติบโตอย่างโดดเด่นจากอัตราการเพิ่มของ GDP เฉลี่ย 7% ต่อปี การใช้จ่ายของประชาชนในประเทศเติบโตกว่า 20% ต่อปี และมีอัตราการขยายตัวของธุรกิจค้าปลีกเฉลี่ยปีละไม่ต่ำกว่า 19.5% หรือมีมูลค่าตลาดกว่า 95,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ตลาดสินค้าระดับกลางถึงระดับบน และตลาดสินค้าฟุ่มเฟือยในเวียดนามมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ เช่น กรุงฮานอย นครโฮจิมินห์ ฯลฯ ซึ่งผู้บริโภคมีกำลังซื้อค่อนข้างสูง และมีพฤติกรรมการใช้จ่ายแบบสังคมเมืองมากขึ้น

สำหรับสินค้าอาหารนั้น จากการสำรวจธุรกิจสมัยใหม่ในโฮจิมินห์และฮานอยโดยสถาบันอาหารเมื่อเดือนมีนาคม 2557 ที่ผ่านมา พบว่าผลิตภัณฑ์อาหารหลายชนิดต่างมีการเสนอส่วนลด ของแถม เพิ่มปริมาณบรรจุ และการขายคู่ในราคาพิเศษในรูปแบบต่างๆ มากมาย ทั้งขนมขบเคี้ยว ผลิตภัณฑ์นม เครื่องดื่ม ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคชาวเวียดนามที่นิยมซื้อสินค้าที่มีส่วนลดและโปรโมชันต่างๆ

และจากการสำรวจความคิดเห็นนักธุรกิจไทยในเวียดนามได้ให้มุมมองว่าสินค้าอาหารของไทยในตลาดเวียดนามนั้นยังมีโอกาสอีกมาก เนื่องจากผู้บริโภคชาวเวียดนามมีความเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้าไทยอยู่แล้วเนื่องจากภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะผู้นำในการผลิตอาหารที่มีคุณภาพและความปลอดภัยในระดับสากล ได้รับการยอมรับจากตลาดชั้นนำอย่างญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป ซึ่งถือเป็นจุดแข็งและข้อได้เปรียบในการแนะนำสินค้าอาหารจากประเทศไทยเข้าสู่ตลาดเวียดนาม แต่ในระยะยาวเพื่อความสำเร็จและสามารถครองใจผู้บริโภคเวียดนามให้ได้นั้น ผู้ประกอบการต้องเรียนรู้พฤติกรรมผู้บริโภคให้มาก เพราะมีความแตกต่างจากผู้บริโภคในประเทศไทย นอกจากนี้ ภาพลักษณ์ของสินค้าไทยบางอย่างเมื่อมาทำตลาดที่เวียดนามก็อาจต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อความเหมาะสมกับค่านิยมของผู้บริโภคเวียดนาม

นอกจากการแข่งขันด้านราคาและกลยุทธ์เรื่องการทำตลาดแต่ละช่วงเวลาแล้ว ยังต้องเร่งสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันผู้ผลิตต้องมีความซื่อสัตย์และรักษาคุณภาพของสินค้าอย่างเสมอต้นเสมอปลาย เพื่อให้สินค้าอาหารของไทยไม่ต้องแข่งขันในสงครามราคาที่รุนแรง

สอดคล้องกับงานวิจัยของ GFK ของเวียดนาม ซึ่งสำรวจผู้บริโภค 1,500 คน เผยแพร่เมื่อปลายปี 2556 พบว่าผู้บริโภคเวียดนามมีความระมัดระวังและพิถีพิถันในการเลือกซื้อสินค้ามากเช่นกัน โดย 55% จะใช้เวลาอย่างมากในการศึกษาและค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์สินค้ามาก่อนจะไปที่ร้านซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของคนทั่วโลกที่อยู่ที่ 43% และเมื่อผู้บริโภคไปถึงจุดขาย 62% จะอ่านฉลากอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่อยู่ที่ 41% รวมทั้งประเด็นกรรมวิธีการผลิต และแหล่งผลิตของผลิตภัณฑ์ก็ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคถึง 68%

ด้านความกังวลเรื่องความปลอดภัยอาหารและความมั่นคงอาหารเป็นอีกเรื่องที่คนเวียดนามให้ความสำคัญอย่างมาก โดยมีมากถึง 75% และ 76% กังวลเรื่องสารปนเปื้อนในอาหารและเครื่องดื่ม และผู้บริโภค 90% ให้ความสนใจเรื่องอาหารและเครื่องดื่มที่มีสรรพคุณทางยาและเพื่อสุขภาพ โดยราว 67% มีความภักดีต่อแบรนด์มากขึ้น จะเลือกซื้อสินค้าเฉพาะแบรนด์ที่น่าเชื่อถือเท่านั้น ขณะที่ 60% ตอบว่าเป็นการดีกว่าที่จะซื้อจากแบรนด์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก เพราะเชื่อได้ว่าเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น