เพราะรู้ดีว่าในกลุ่มแฟนพันธุ์แท้ผ้าคลุมไหล่ สิ่งสำคัญอันดับแรกในการตัดสินใจเลือกซื้อผ้าคลุมไหล่สักผืนอยู่ที่ ‘ลวดลาย’ ต้องแตกต่างอย่างโดนใจ ดังนั้น “พันธุ์ยุพา หม้อมงคล” เจ้าของแบรนด์ ‘HIPPO CHEEZE’ เลือกที่สร้างจุดเด่นจากลายผ้า เจาะจงเป็นภาพวาดมือเน้นรูปสัตว์เลี้ยง ผลงานศิลปะรุ่นใหม่ แต่ละแบบจะมีเพียงประมาณ 50 ผืนเท่านั้นเพื่อให้ผู้ได้ครอบครองเกิดความภาคภูมิใจ ในขณะเดียวกันเพิ่มคุณค่าให้สินค้าต่างจากแบรนด์ยักษ์ด้วย
เนื่องจากสาวคนนี้ชื่นชอบและอยู่ในวงการเก็บสะสมผ้าคลุมไหล่และผ้าพันคอมายาวนาน เมื่อคิดจะทำสินค้าธุรกิจของตัวเองไม่ใช่เรื่องยากที่จะเลือกทำผ้าคลุมไหล่ เพราะนอกจากความชอบแล้ว ยังรู้ดีว่าตลาดผ้าคลุมไหล่มีฐานลูกค้าประจำค่อนข้างแน่นอน อีกทั้งเป็นสินค้าแฟชั่นร่วมสมัย ไม่ว่าเวลาจะผ่านเลยไปนานเท่าใดก็สามารถขายได้เรื่อยๆ
ส่วนทีเด็ดช่วยให้แบรนด์เล็กๆ สามารถแจ้งเกิดได้นั้น พันธุ์ยุพาชี้ว่าจำเป็นต้องมีลายไม่ซ้ำใคร โดยในท้องตลาดส่วนใหญ่ผ้าคลุกไหล่เน้นลายกราฟิก ขณะที่แบรนด์ ‘HIPPO CHEEZE’ ฉีกใช้เป็นลายภาพวาดมือ เน้นรูปสัตว์เลี้ยง ผลงานของศิลปินรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นนักศึกษากำลังเรียนจบหรือเพิ่งจบใหม่ ซึ่งแต่ละคนมีผลงานวาดภาพประกอบตามสื่อต่างๆ อยู่แล้ว ทั้งนิตยสาร พ็อกเกตบุ๊ก และเว็บไซต์ต่างๆ
“สาเหตุที่เลือกทำผ้าลายแฮนด์เมดฝีมือนักวาดภาพรุ่นใหม่เพราะเด็กๆ กลุ่มนี้จะมีลายเส้นเป็นของตัวเอง และมีแฟนคลับประจำของเขาอยู่แล้ว โดยให้วาดเป็นรูปสัตว์เลี้ยงเพราะต้องการจับกลุ่มลูกค้าผู้หญิงที่ชอบผ้าคลุมไหล่และรักสัตว์ด้วยเพื่อให้สินค้าของเราจับลูกค้าเฉพาะเจาะจงมากขึ้นไปอีก โดยโมส (ชื่อเล่นของพันธุ์ยุพา) จะไปบอกความต้องการแบบกว้างๆ แก่นักวาด เช่น ต้องการสัตว์ชนิดนี้ อยู่ในบรรยากาศอย่างนี้ ส่วนรายละเอียดต่างๆ ให้อิสระนักวาดเต็มที่ ลายผ้าที่ออกมาก็จะอยู่ภายใต้แนวคิดของเรา แต่มีรูปแบบเป็นของศิลปินแต่ละคน ทำให้เกิดเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร” สาวไฟแรงเสริม และเล่าต่อว่า
ในการว่าจ้างนักวาดแต่ละคนให้ค่าตอบแทนลายละประมาณ 8,500-10,000 บาท จากนั้นจะส่งลายเข้ากระบวนการของโรงงานผลิต เลือกใช้วัตถุดิบ “ผ้าไหมกำมะหยี่” เกรดเยี่ยม คุณสมบัติเนื้อนุ่นเนียน เงามันวาว พิมพ์ลายชัดเจน และที่สำคัญ แต่ละลายจะทำออกเพียงประมาณ 50 ผืนเท่านั้น ซึ่งเป็นความตั้งใจให้กลายเป็นสินค้าหายาก มีคุณค่าสูงขึ้น ลูกค้าที่ซื้อไปเกิดความภาคภูมิใจที่ได้ครอบครองสินค้าไม่ซ้ำใคร
“เนื่องจากเราจับกลุ่มลูกค้าเฉพาะเจาะจง สิ่งที่ลูกค้ากลุ่มนี้ต้องการมากๆ คือไม่อยากจะได้สินค้าที่หาได้ง่ายในท้องตลาดทั่วไป โมสเลยจำกัดว่าแต่ละลายจะมีแค่ประมาณ 50 ผืนเท่านั้น ลูกค้าที่อยากได้ต้องรีบซื้อเก็บไปสะสม ซึ่งการผลิตในปริมาณน้อยต้นทุนจะสูงมาก แต่โมสเชื่อว่าเหมาะกับการสร้างเอกลักษณ์ให้แบรนด์ของเรามากกว่า” พันธุ์ยุพากล่าว
ส่วนการทำตลาดนั้นอาศัยผ่านสังคมออนไลน์ทุกรูปแบบ ซึ่งเป็นการทำตลาดเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายโดยตรง และไม่ต้องลงทุนมาก ทั้งผ่านเฟซบุ๊ก (www.faecbook.com/HIPPOCHEEZE) อินสตาแกรม : HIPPOCHEEZE และไลน์ : Hinamost รวมถึงยังทำคลิปวิดีโอโฆษณาสินค้าลงในยูทิวบ์ เป็นต้น
พันธุ์ยุพาบอกถึงการทำตลาดผ่านสังคมออนไลน์จะเน้นไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เช่น กลุ่มคนรักผ้าคลุมไหล่ กลุ่มคนรักสัตว์ เน้นสร้างกิจกรรมในสังคมออนไลน์ให้เกิดความเคลื่อนไหวตลอดเวลา เช่น ทำการ์ตูนแอนิเมชันแนะนำสินค้า เล่นเกม จัดโปรโมชัน ฯลฯ รวมถึงเข้าไปพูดคุยสนทนากับลูกค้าทุกราย เพื่อสร้างความผูกพันให้ลูกค้าสัมผัสได้ถึงความเอาใจใส่
ด้วยสินค้าที่มีเอกลักษณ์ ประกอบกับการทำตลาดที่เหมาะสม เธอบอกว่าผลตอบรับหลังจากเปิดตัวมาประมาณ 6 เดือนมีลูกค้ามากขึ้นเรื่อยๆ หลายรายกลายเป็นขาประจำที่ตามเก็บทุกลาย กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นสุภาพสตรีที่นิยมงานศิลปะ งานแฮนด์เมด และรักสัตว์ ช่วงวัยมีตั้งแต่วัยรุ่น วัยทำงาน และผู้ใหญ่
ปัจจุบันสินค้าแบรนด์ ‘HIPPO CHEEZE’ แบ่งเป็นประเภทผ้าคลุมไหล่ ขนาด 100x100 ซม. ราคา 1,100 บาท และผ้าพันคอ ขนาด 50x50 ซม. ราคา 490 บาท และเสื้อยืดตัวละ 400 บาท โดยจะออกลายใหม่ๆ ทุกๆ 1.5 เดือน
แม้แบรนด์ ‘HIPPO CHEEZE’ จะเป็นเพียงผู้ประกอบการรายจิ๋ว แต่ความสำเร็จที่เกิดขึ้นเป็นอีกตัวอย่างให้เห็นว่า ถ้าสินค้าโดดเด่น และมีช่องทางขายเหมาะสม คนตัวเล็กก็สามารถแทรกตัวอยู่ท่ามกลางยักษ์ใหญ่ได้เช่นกัน
โทร. 08-5566-5508 , www.hippocheeze.com , www.faecbook.com/HIPPOCHEEZE , IG : HIPPOCHEEZE และ Line : Hinamost
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *
