สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและพัฒนา หรือไอทีดี ชี้ความตกลงด้านการลงทุนอาเซียน หรือ ACIA ไทยมีข้อได้เปรียบหลายอย่าง โดยเฉพาะความพร้อมในภาพรวมของประเทศ นักลงทุนไทย และหน่วยงานภาครัฐควรศึกษาอย่างจริงจังเพื่อกำหนดกลยุทธ์การลงทุนได้อย่างถูกต้อง
ดร.วัชรัศมิ์ ลีละวัฒน์ รองผู้อำนวยการวิชาการสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและพัฒนา หรือไอทีดี เปิดเผยว่า ผลงานวิจัยเรื่อง “โอกาสและอุปสรรคการลงทุนภายใต้ความตกลงด้านการลงทุนอาเซียน หรือ ASEAN Comprehensive Investment Agreement : ACIA ที่สถาบันไอทีดี ทำร่วมกับคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชี้ชัดว่า ไทยค่อนข้างได้เปรียบตามความตกลงด้านการค้าและการลงทุนฉบับนี้ เนื่องจากประเทศไทยมีระบบโครงสร้างพื้นฐานและการขนส่งที่ดีกว่ากลุ่มประเทศ CLMV รวมถึงอินโดนีเซียอย่างเห็นได้ชัด และยังถูกจัดอยู่ในอันดับที่ดีกว่าประเทศในกลุ่ม CLMV และอินโดนีเซียมาก หากพิจารณาจากความยากง่ายในการดำเนินธุรกิจ
“ความตกลงด้านการลงทุนอาเซียน หรือ ACIA เปิดโอกาสให้ธุรกิจไทยเข้าไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านโดยมีหลักประกันที่มั่นคงมากขึ้นและเสริมสร้างให้ภูมิภาคอาเซียนเป็นฐานรองรับการลงทุนที่ครบวงจรมากขึ้น รองรับเงินลงทุนที่เพิ่มมากขึ้นทั้งจากอาเซียนด้วยกันเองและต่างชาติ การจ้างงานที่มากขึ้น การถ่ายทอดเทคโนโลยี การพัฒนาคุณภาพของแรงงาน การพัฒนาโครงข่ายสาธารณูปโภค เป็นต้น สิ่งสำคัญสำหรับผู้ประกอบการคือ การเร่งเสริมสร้างความเข้มแข็งและพัฒนาขีดความสามารถของตนเองให้พร้อมแข่งขันในตลาดโลก และพยายามใช้ความตกลงต่างๆ เหล่านี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ” ดร.วัชรัศมิ์กล่าว
ทั้งนี้ ASEAN Comprehensive Investment Agreement (ACIA) หรือที่เรียกว่า ความตกลงด้านการลงทุนของอาเซียน เป็นความตกลงระหว่าง 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งประกอบด้วย บรูไน ดารุสซาลาม กัมพูชา ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย สปป.ลาว มาเลเซีย เมียนมาร์ สิงคโปร์ เวียดนาม และไทย มีวัตถุประสงค์หลักคือ ต้องการสร้างให้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นภูมิภาคที่มีกฎระเบียบด้านการลงทุน (Investment Regime) ที่เปิดกว้างและเสรี (Open & Free) และในขณะเดียวกันจะช่วยเสริมให้เกิดการบูรณาการ (Integration) ระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนในด้านการลงทุน ซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญชิ้นหนึ่งในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community - AEC) ในปี 2015 โดยได้มีการลงนามเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2009 ในการประชุมสุดยอดผู้นําอาเซียน (ASEAN Summit) ครั้งที่ 14 ที่หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประเทศไทย และมีผลใช้บังคับพร้อมตารางข้อสงวน (Schedule of Reservation List) ของทั้ง 10 ประเทศสมาชิก เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2012
โดย ACIA จะประกอบไปด้วยหลักสำคัญ 4 ประการ ได้แก่ การเปิดเสรีการลงทุน (Investment Liberalization) การคุ้มครองการลงทุน (Investment Protection) การอำนวยความสะดวกและความร่วมมือ (Facilitation and Cooperation) และการส่งเสริมและสร้างความรับรู้ในด้านการลงทุน (Investment Promotion and Awareness) ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาความเหมาะสม และความเป็นไปได้ในการผ่อนปรนเงื่อนไขเพื่อการเปิดเสรี
การปฏิบัติตามความตกลง ACIA จะสร้างโอกาสให้แก่นักลงทุนไทยในการเข้าไปลงทุนยังประเทศสมาชิกอาเซียนจากแหล่งผลักดันในด้านต่างๆ และในขณะเดียวกัน การปฏิบัติตามความตกลงดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อภาคเอกชนไทยที่ยังไม่พร้อมที่จะแข่งขัน ดังนั้น งานวิจัยชิ้นนี้จึงให้ความสำคัญต่อโอกาสและผลกระทบที่ประเทศไทยได้รับภายใต้ข้อตกลง ACIA ตลอดจนเสนอแนะกลยุทธ์ และแนวทางการเจรจาการเปิดเสรีการลงทุนระหว่างประเทศกับกลุ่มประเทศอาเซียนที่เหมาะสม
ทั้งนี้ คณะผู้วิจัยได้ทำการคัดเลือกอุตสาหกรรมที่จะศึกษาเพื่อให้ครอบคลุมโอกาสการลงทุนประเทศในอาเซียนอย่างน้อย 4 ประเทศ และมีปัจจัยสนับสนุนจากประเด็นต่างๆ รวมถึงสอดคล้องกับนโยบายของ BOI ที่ให้ความสำคัญต่อ 3 ประเทศในอาเซียน อันได้แก่ อินโดนีเซีย เวียดนาม และเมียนมาร์ ซึ่งประกอบด้วยอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม อุตสาหกรรมอาหาร และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน
ผู้สนใจงานวิจัยฉบับเต็มสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันไอทีดี โทรศัพท์ 0-2216-1894-7
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *