กสอ.จับมือจังหวัดยามานาชิ ประเทศญี่ปุ่น ประสานความร่วมมือส่งเสริมเอสเอ็มอีของ 2 ประเทศ คาดญี่ปุ่นจะขยายฐานการผลิตในไทย รวมถึงได้ความรู้และเทคโนโลยีเครื่องจักร-ยานยนต์ รับเปิดเออีซี พร้อมตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างไทย-ญี่ปุ่น เป็น 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2557
นายประเสริฐ บุญชัยสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ได้ร่วมมือกับจังหวัดยามานาชิ ประเทศญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมระดับเอสเอ็มอีของทั้ง 2 ประเทศ ผ่านความร่วมมือใน 3 ประเด็น ได้แก่
1. การส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการเอสเอ็มอี จังหวัดยามานาชิและประเทศไทย โดยอุตสาหกรรมที่เป็นอุตสาหกรรมหลักและมีความเชี่ยวชาญของจังหวัดยามานาชิ ได้แก่ กลุ่มชิ้นส่วนเครื่องจักรกล และกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ฯลฯ
2. การสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในจังหวัดยามานาชิและประเทศไทย เพื่อขยายธุรกิจในระดับสากล รวมถึงการจับมือทางธุรกิจ (Business Matching)
3. การแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านอุตสาหกรรมร่วมกันและการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรม กับจังหวัดยามานาชิ เพื่อการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการเอสเอ็มอี จากจังหวัดยามานาชิและประเทศไทย ตลอดจนสร้างความสัมพันธ์ในด้านเศรษฐกิจของทั้งสองฝ่ายให้มีความใกล้ชิด อาทิ การจัดโครงการแลกเปลี่ยนด้านอุตสาหกรรม การส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมโยงกลุ่มคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเพื่อความช่วยเหลือซึ่งกันและกันเมื่อเกิดภัยพิบัติ หรือ “Otagai” Business Continuity การจัดนิทรรศการ การจัดสัมมนา และการประชุมทางธุรกิจ
นายประเสริฐกล่าวเพิ่มเติมว่า ความร่วมมือระหว่างไทยและญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ในการเตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการไทยเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 โดยการใช้จุดแข็งของแต่ละฝ่ายมารวมกัน เพื่อการพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้แก่กัน ซึ่งจะส่งผลดีกับภาคอุตสาหกรรมไทยที่จะสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมในประชาคมอาเซียน ทั้งนี้ ที่ผ่านมากรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ได้มีโต๊ะญี่ปุ่นคอยทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของการดำเนินงานด้านการลงทุนในการส่งเสริมและพัฒนาเอสเอ็มอีให้มีศักยภาพมากขึ้น โดยเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐกับรัฐ และในช่วงที่ผ่านมาก็ได้รับการติดต่อจากหลายจังหวัดในประเทศญี่ปุ่น อาทิ จังหวัดฟูกุโอกะ จังหวัดไซตามะ จังหวัดโอซาก้า จังหวัดโทโทริ จังหวัดฮิโรชิมา และจังหวัดชิมาเน่ เพื่อสร้างความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมร่วมกัน
ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นเองก็มีนโยบายสนับสนุนให้เอสเอ็มอี ได้ย้ายฐานการผลิตไปยังต่างประเทศมากขึ้น เพื่อป้องกันการปิดตัวลงของเอสเอ็มอีที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังเห็นการรักษาเทคโนโลยีที่มีอยู่เฉพาะในแต่ละเอสเอ็มอี หรือที่เรียกว่า “Only One Technology” ให้ยังคงอยู่ต่อไป ซึ่งประเทศญี่ปุ่นมักประสบปัญหาในการผลิต อันเนื่องมาจากภัยธรรมชาติ ตลาดที่หดตัวลง และต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้ ประเทศไทยมีการลงทุนจากนักลงทุนประเทศญี่ปุ่นเป็นอันดับ 1 ของไทย โดยมีการลงทุนถึงร้อยละ 40 ของการลงทุนจากต่างประเทศทั้งหมด รวมถึงนักลงทุนจากจังหวัดยามานาชิที่มาลงทุนอยู่ในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายเพิ่มมูล่าการค้าระหว่างไทย-ญี่ปุ่นเป็น 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2557
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *