ปัจจุบันอาหารเพื่อสุขภาพ เป็นทางเลือกที่ทุกคนให้ความสนใจ เพราะโรคภัยไข้เจ็บที่มากับอาหารการกินมีมากขึ้น และเป็นช่องทางให้ร้านบะหมี่ ย่านปากเกร็ดแห่งนี้ ได้นำผักเพื่อสุขภาพ ที่รู้จักกันในนามของราชาวิตามินอย่าง “โมโรเฮยะ” มาผสมลงในขั้นตอนของการทำบะหมี่ ได้ออกมาเป็น “บะหมี่ โมโรเฮยะ”
สำหรับเจ้าของไอเดียบะหมี่โมโรเฮยะ เป็นของ “รุจิตรา โสภาวันดี” ได้แนวคิดการทำบะหมี่มาจาก พี่เขย ซึ่งต้นตระกูลของพี่เขย เปิดร้านบะหมี่เยาวราช อยู่ที่วงเวียนใหญ่มานานกว่า 60 ปี จุดเด่นของบะหมี่ คือ ทำเส้นบะหมี่เอง และเป็นบะหมี่ไข่ล้วนไม่ผสมแป้ง ตรงจุดนี้เองเป็นทำให้ร้านบะหมี่ หมูอบหม้อดินของ “รุจิตรา” ที่เปิดขายบริเวณด้านข้างโรงภาพยนตร์เมเจอร์ ปากเกร็ด มีคนต่อคิวซื้อกินแน่นร้านทุกวัน
รุจิตรา เล่าว่า เธอและสามี มาเปิดร้านขายบะหมี่เพื่อสุขภาพหมูอบหม้อดิน ได้ประมาณ 6 เดือน โดยเป็นบะหมี่ทำเองเพื่อสุขภาพ เพราะมีส่วนผสมของผักโมโรเฮยะ และ งาดำ โดยทางร้านมีบะหมี่ให้เลือกถึง 3 ชนิด ได้แก่ บะหมี่ผักโมโรเฮยะ บะหมี่งาดำ และบะหมี่ไข่ ในขณะที่หมูแดง เลือกใช้วิธีการอบหมูด้วยหม้อดิน แทนการอบโอ่ง เพราะจะได้หมูแดงที่กลิ่นหอมของควันไฟ คล้ายกับหมูอบรมควัน
“สาเหตุที่เลือก ทำบะหมี่โมโรเฮยะ เพราะเห็นคุณประโยชน์ของ ผักโมโรเฮยะ ได้ชื่อว่าราชาแห่งวิตามิน โมโรเฮยะมีต้นกําเนิดมาจากประเทศอียิปต์ แต่เป็นที่นิยมบริโภคของชาวญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก เพราะวิตามินและแร่ธาตุในผักโมโรเฮยะจะช่วยให้ระบบต่างๆ ของร่างกายทํางานได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งยังช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันโรคและกําจัดอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งได้ด้วย นอกจากนี้ เส้นใยอาหารของโมโรเฮยะยังช่วยลดคลอเรสเตอรอล ลดความอ้วน ลดเบาหวาน และป้องกันมะเร็งลําไส้ใหญ่"
ทั้งนี้ ในส่วนของขั้นตอนการทำบะหมี่ ของเรายังคงยึดขั้นตอนการทำบะหมี่แบบโบราณของเยาวราช เป็นบะหมี่ไข่เส้นเล็ก ทำมือ ในส่วนของผักโมโรเฮยะ ใช้เป็นผักอบแห้ง บดเป็นผง ซึ่งต้องนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น ในราคากิโลกรัมละ 700 บาท โดยผัก 1 กิโลกรัม สามารถทำบะหมี่ได้มากกว่า 50 กิโลกรัม ส่วนของงาดำ จะใช้งาดำบด เช่นกัน ซึ่งในส่วนของงาดำจะมีราคาถูกกว่า โมโรเฮยะ เพราะสามารถซื้อในประเทศได้
สำหรับการทำบะหมี่ จะทำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ช่วยกันทำภายในครอบครัว บะหมี่ที่ได้ นำไปขายที่ร้านของพี่สาว เยาวราช และส่วนหนึ่ง ทำส่งขายให้กับพ่อค้า ร้านบะหมี่ในย่านใกล้เคียง ส่วนร้านของ รุจิตรา จะใช้บะหมี่วันละ 10 กิโลกรัม (เริ่มขาย 4 โมงเย็นเลิกประมาณ 2 ทุ่ม) ซึ่งบะหมี่ ทั้ง 3 ชนิด มียอดขายใกล้เคียงกัน ในขณะที่รสชาติของบะหมี่ทั้ง 3 ชนิดก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก เพราะทั้งงาดำ และผักโมโรเฮยะ ไม่ได้ไปเปลี่ยนรสชาติ หรือ กลิ่นของบะหมี่ให้เปลี่ยนไป แต่จะมีสีที่เปลี่ยนไปบ้าง และในบะหมี่งาดำ เมื่อลวกจะเป็นเม็ดดำเล็กๆขึ้นมา
ทั้งนี้ ส่วนของต้นทุนการทำบะหมี่อยู่ที่กิโลกรัมละ 70 บาท ในขณะที่ราคาขายบะหมี่ที่หน้าร้านอยู่ที่ชามละ 35 บาท ราคาเท่ากันทุกเส้น ไม่ว่าจะเป็นบะหมี่ไข่ บะหมี่งาดำ หรือ บะหมี่โมโรเฮยะ ลูกค้าส่วนใหญ่ก็ยังชื่นชอบ บะหมี่ไข่ธรรมดามากกว่า เพราะคุ้นเคย แต่ถ้าเป็นกลุ่มของคนรักษ์สุขภาพ จะเลือกบะหมี่ผัก และบะหมี่งาดำ ซึ่งรสชาติไม่ได้แตกต่างกัน แต่ได้คุณค่าทางอาหารเพิ่มขึ้น
รุจิตรา เล่าว่า เดิมตนเองช่วยสามีทำงานส่วนตัว ร้านซ่อมรถของพ่อสามี และแยกครอบครัวออกมาสร้างรายได้เอง โดยเลือกเปิดร้านบะหมี่ เพราะได้สูตรบะหมี่จากพี่เขย เป็นสูตรบะหมี่เยาวราชแท้แบบโบราณดั้งเดิม ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง ผลตอบรับออกมาดี ส่วนข้อแตกต่างของบะหมี่ไข่ล้วน กับบะหมี่ไข่ผสมแป้ง อยู่ที่การลวกเส้น ถ้าเป็นบะหมี่ไข่ เมื่อลวกน้ำเพียงไม่กี่นาที และถ้าลวกนาน เส้นบะหมี่ก็จะเละ แต่ถ้าเป็นบะหมี่ผสมแป้ง จะต้องใช้เวลาในการลวกนานกว่า บะหมี่จะสุก และที่สำคัญบะหมี่ไข่ จะให้รสชาติที่นุ่มกว่า และหอมกว่า
โทร.08-3421-2512
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *