ก.อุตสาหกรรม หนุนเอกชนไทยใช้ประโยชน์จากเออีซี ซึ่งจะเป็นตลาดฐานการผลิตและการลงทุนร่วมกัน มีการเคลื่อนย้ายแรงงานฝีมือและเงินทุนอย่างเสรี
นายประเสริฐ บุญชัยสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยในงาน Thailand Industrial Property Market : The Effect from AEC ว่าปี 2558 ประเทศไทยและสมาชิกอีก 9 ประเทศจะรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐหกิจอาเซียน หรือ AEC ซึ่งจะเป็นตลาดฐานการผลิตและการลงทุนร่วมกัน มีการเคลื่อนย้ายแรงงานฝีมือและเงินทุนอย่างเสรี
ทั้งนี้ จากการที่ประเทศไทยตั้งอยู่ในจุดที่เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคที่สามารถเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านได้ ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยควรใช้โอกาสนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และขยายออกไปสู่อาเซียนบวก 3 คือจีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น และขยายสู่อาเซียนบวก 6 ซึ่งเพิ่มอีก 3 ประเทศคือ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอินเดีย ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยสามารถใช้ประโยชน์จากตลาดขนาดใหญ่ได้มากยิ่งขึ้น ขณะนี้ประเทศไทยมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งด้านระบบขนส่งและโลจิสติกส์ ตลอดจนความพร้อมสาธารณูปโภคอื่นๆ ไว้รองรับแล้ว ดังนั้น จึงเป็นโอกาสของภาคเอกชนไทยที่จะใช้ประโยชน์จากโอกาสที่เปิดขึ้น
นายประเสริฐกล่าวว่า รัฐบาลไทยจัดทำงบประมาณจำนวน 2 ล้านล้านบาท เพื่อนำมาลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เช่น พัฒนาขนส่งระบบราง ทางหลวงสายพิเศษ ท่าอากาศยานและท่าเรือน้ำลึก ในส่วนของกระทรวงอุตสาหกรรมก็เช่นกัน เพื่อตอบสนองความต้องการและให้มีความสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล จึงได้กำหนดนโยบายพัฒนาอุตสาหกรรมไทยไปพร้อมๆ กันด้วย ได้แก่ มุ่งยกระดับเครือข่ายฐานการผลิต การบริการ และการตลาด โดยใช้ศักยภาพของประเทศในอาเซียน เพื่อสร้างโอกาสในการแข่งขันแก่ประเทศในภูมิภาค โดยไม่ได้มองเป็นคู่แข่ง แต่เป็นพันธมิตรสร้างศักยภาพแข่งขัน
ทั้งนี้ยังเดินหน้าปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและการอำนวยความสะดวกขนถ่ายสินค้า ตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน ใช้งบเพิ่มขีดความสามรรถให้กับเอสเอ็มอีไทย เช่น มาตรการด้านการเงิน การพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน มาตรการด้านภาษี ส่งเสริมด้านวิจัยและพัฒนาเพื่อก้าวพ้นผู้รับจ้างผลิต เดินหน้ายกระดับศักยภาพผู้ประกอบการในการแข่งขันเวทีโลก โดยยกระดับความรู้ทุกมิติ เช่น ยกระดับการผลิตสู่มาตรฐานสากล สร้างโอกาสให้เอสเอ็มอีสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน และส่งเสริมการลงทุนที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของประเทศ มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจให้มีความคล่องตัวมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมในอนาคตต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และสามารถอยู่ร่วมกันได้กับประชาชนในพื้นที่อย่างมีความสุข กระทรวงอุตสาหกรรมยังสนับสนุนส่งเสริมนักลงทุนไทยออกไปลงทุนในต่างประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย เมียนมาร์ เวียดนาม กัมพูชา ลาว มาเลเซีย จีน และอินเดีย
นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมาพบว่าภาคเอกชนไทยยังใช้ประโยชน์จากข้อตกลงทางการค้าเพียงร้อยละ 50 เท่านั้น ดังนั้น เอกชนไทยจึงยังมีช่องทางที่จะเพิ่มความได้เปรียบและประหยัดภาษีได้อีกมาก ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมหวังว่าการเปลี่ยนแปลงของอาเซียนในปี 2558 จะเป็นโอกาสการลงทุนครั้งสำคัญ สร้างความร่วมมือและเชื่อมโยงการพัฒนาให้ภูมิภาคเอเชียให้แข็งแกร่งในอนาคต ซึ่งประเทศไทยจะต้องเตรียมพร้อมและมองประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนเป็นพันธมิตรสำคัญในการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมต่อไป
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *