ขึ้นชื่อว่างานฝีมือสำหรับคนไทยถือว่าได้เปรียบ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เราจะเห็นงานฝีมือสวยงามทำออกมาจำหน่าย หากใครที่จะกระโดดเข้าสู่วงการนี้ ความแปลกและแตกต่างถือเป็นสิ่งสำคัญ อย่างการนำเอาเส้นใยจากใบสับปะรดมาทำเป็นกระเป๋าก็เป็นอีกหนึ่งไอเดียสร้างสรรค์ ที่ทำเท่าไรก็ไม่พอขาย จากความต้องการที่ไม่สมดุลกับงานแฮนด์เมดกระเป๋าใยพืช
ปรินทร จี้เพชร หรือ พี่สุ หนึ่งในผู้ที่ชื่นชอบงานฝีมือทุกชนิด มีเวลาว่างเป็นไม่ได้ต้องหยิบจับของใกล้ตัวมาประดิดประดอย เป็นข้าวของเครื่องใช้ เครื่องประดับไม่ซ้ำใคร กระทั่งไปเห็นใบสับปะรดที่ถูกกองทิ้งไว้อย่างไร้ค่า จึงคิดนำเส้นใยมาทำเป็นกระเป๋า เนื่องจากเส้นใยจากใบสับปะรดมีความเหนียวมาก
“เราเคยทำมาหมดพวกงานฝีมือ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าผ้า กระเป๋าสาน หากคิดจะทำขายก็คงเป็นไปได้ยากเพราะมีคนทำกันเยอะ จนไปเห็นใบสับปะรดถูกกองทิ้งไว้ในตลาดจำนวนมาก จึงคิดว่าหากนำใยพืชชนิดนี้มาทำเป็นกระเป๋าคงจะแปลกดี เพราะยังไม่มีใครทำ จึงลองนำใบสับปะรดมาตำ และตีให้เกิดเป็นเส้นใย สุดท้ายก็ได้ใยสับปะรดออกมาที่มีความเหนียวมาก ส่วนกรรมวิธีการผลิตก็ไม่แตกต่างจากการทำกระดาษสามากนัก”
ระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมาถือเป็นช่วงแห่งการลองผิดลองถูก หมดเงินหลายหมื่นบาท เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ยังไม่มีใครทำ แต่เธอก็ใช้ความพยายาม โดยดึงกรรมวิธีการทำกระดาษสามาประยุกต์ใช้ พร้อมกับลงสีตามต้องการจากเดิมสีที่ได้จากใยใบสับปะรดจะเป็นสีน้ำตาล
กระเป๋าถือเป็นผลงานชิ้นแรกที่พี่สุทำออกมาได้เป็นผลสำเร็จ ที่ไม่ใช่กระเป๋าจากใยพืชธรรมดาทั่วไป แต่เธอยังนำเศษผ้าลูกไม้ กระดุม งานหนัง และงานผ้ามาประยุกต์เข้าด้วยกันเพิ่มความดูดี และสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยภายในกระเป๋าก็บุด้วยผ้า พร้อมตัดเย็บเป็นช่องขนาดเล็กเพิ่มประโยชน์ในการใช้สอยได้สะดวกยิ่งขึ้น เช่น ช่องใส่โทรศัพท์มือถือ ใส่เศษเหรียญ หรือเครื่องสำอาง
“ไม่น่าเชื่อว่าวัตถุดิบที่ได้จากธรรมชาติจะสามารถนำมาทำเป็นกระเป๋าได้อย่างสวยงาม และยิ่งเมื่อนำมาตกแต่งด้วยงานฝีมือต่างๆ จะยิ่งสวยงามขึ้น ใครหิ้วก็ดูดี ไม่ซ้ำใคร สามารถใช้ออกงานได้ทุกงาน เลือกหิ้วได้ทุกขนาดตามจำนวนของที่จะใส่ไปงาน ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ เครื่องสำอาง หรือกระเป๋าสตางค์”
สำหรับความแข็งแรงทนทานนั้น หลายคนคงตั้งข้อสังเกตว่าในเมื่อเป็นกระเป๋าที่ทำจากใยพืชจะมีความแข็งแรงทนทานมากน้อยแค่ไหน พี่สุบอกว่า ลูกค้าไม่ต้องกังวลเรื่องดังกล่าว เพราะพื้นฐานของใยจากใบสับปะรดมีความเหนียวเป็นพิเศษแตกต่างจากใยพืชทั่วไป สามารถใส่นมกล่องประมาณครึ่งโหลถือหิ้วได้สบาย
“กระเป๋าใยพืชของเรามีประมาณ 3 ขนาด คือ เล็ก กลาง ใหญ่ เพราะต้องนำใยพืชมาขึ้นรูปในบล็อกตามขนาดที่ออกแบบไว้ ทำให้ขนาดของกระเป๋ามีไม่มากนัก แต่จะใช้การตกแต่งด้วยงานฝืมือให้เกิดความแตกต่างและดูดีขึ้น ซึ่งธุรกิจนี้เป็นการรวมกลุ่มของชาวบ้านใน จ.สระบุรีที่มารวมตัวกันได้ 3 ปีแล้ว แต่สมาชิกก็ลดน้อยลงเรื่อยๆ เพราะเป็นงานละเอียดต้องใช้ฝีมือ โดยเฉพาะขั้นตอนการเย็บจะใช้มือล้วนๆ ใช้จักรเย็บไม่ได้ ทำให้เมื่อเย็บไปนานจะมีปัญหาเรื่องนิ้วล็อก ซึ่งเราก็เป็นอยู่ตอนนี้จะหาผู้ช่วยเย็บ ส่วนการตกแต่งจะทำเองทั้งหมดเพื่อให้รูปแบบออกมาในทิศทางเดียวกัน”
ปัจจุบันเธอผลิตกระเป๋าใยพืช (ยังไม่ตกแต่ง) ได้วันละ 6 ใบ ขณะที่กระเป๋าขนาดใหญ่อยู่ที่ 1 วัน/ใบ โดยราคาเริ่มต้นที่ 65-750 บาท ที่ผลิตเท่าไหร่ก็ไม่พอขาย จากการผลิตได้ช้า และเป็นผลิตภัณฑ์แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร ใช้งานได้ทุกโอกาส รวมถึงเพื่อนของลูกสาวยังรับไปจำหน่ายต่อที่สหรัฐอเมริกาด้วยก็ได้รับการตอบดีไม่แพ้กัน ต่อไปเธอวางแผนจะต่อยอดผลิตภัณฑ์เป็นหมวก และโคมไฟใยพืช เพื่อสร้างความแตกต่างและหลากหลายให้ผลิตภัณฑ์
***สนใจติดต่อกลุ่มอาชีพ OTOP 15 ต.บ้านป่า อ.แก่งคอย จ.สระบุรี โทร. 08-0802-5934***
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *