สสว.เผยสถานการณ์ SMEs เม.ย. 2556 ส่งออก 140,196 ล้านบาท หดตัวเล็กน้อยร้อยละ 3.78 ตลาดใหญ่ยังคงอยู่ที่จีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา สินค้าพลาสติกและของที่ทำด้วยพลาสติกส่งออกรุ่ง ส่วนตั้งกิจการใหม่จำนวน 4,781 ราย กลุ่มก่อสร้างทั่วไป บริการนันทนาการ และอสังหาริมทรัพย์ครองแชมป์ ขณะที่ยกเลิกกิจการจำนวน 697 ราย หดตัวลงเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 12
นายชาวันย์ สวัสดิ์-ชูโต รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ SMEs ประจำเดือนเมษายน 2556 ว่า ในด้านการส่งออกและนำเข้าของ SMEs พบว่าขาดดุลการค้าคิดเป็นมูลค่า 49,609.02 ล้านบาท เช่นเดียวกับเดือนมีนาคม 2556 ที่ขาดดุลการค้าคิดเป็นมูลค่า 30,789.31 ล้านบาท
โดยตัวเลขการส่งออกของ SMEs มีมูลค่า 140,196.35 ล้านบาท หดตัวลงเล็กน้อยจากเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 3.78 และหดตัวลงจากเดือนมีนาคมที่ผ่านมา คิดเป็นร้อยละ 16.7 ซึ่งการส่งออกของ SMEs คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 27.70 ต่อการส่งออกรวมของประเทศ สำหรับตลาดหลักในการส่งออกของ SMEs ได้แก่ จีน รองลงมาคือ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ส่วนตลาดสำคัญที่มีการขยายตัวของการส่งออกสูง ได้แก่ ออสเตรเลีย พม่า และเวียดนาม สินค้าสำคัญที่มีการขยายตัวของการส่งออกสูง ได้แก่ พลาสติกและของที่ทำด้วยพลาสติก อัญมณีและเครื่องประดับ ยางและของที่ทำด้วยยาง
ส่วนการนำเข้าของ SMEs มีมูลค่า 189,805.37 ล้านบาท หดตัวลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 2.17 และหดตัวลงจากเดือนมีนาคมที่ผ่านมาคิดเป็นร้อยละ 16.7 โดยมูลค่าการนำเข้าของ SMEs คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 29.90 ของมูลค่าการนำเข้ารวมทั้งประเทศ ตลาดที่ SMEs ไทยมีการนำเข้าสินค้ามากที่สุดคือ จีน รองลงมาคือ ญี่ปุ่น สวิตเซอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา และมาเลเซีย ตามลำดับ สินค้าที่นำเข้ามากที่สุดคือ อัญมณีและเครื่องประดับ รองลงมาคือเครื่องจักร คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ อุปกรณ์ไฟฟ้าและส่วนประกอบ เหล็กและเหล็กกล้า พลาสติกและของที่ทำด้วยพลาสติก ตามลำดับ
ในด้านการจัดตั้งและยกเลิกกิจการของ SMEs ในเดือนเมษายน 2556 พบว่ามีกิจการที่จดทะเบียนจัดตั้งใหม่จำนวนทั้งสิ้น 4,781 ราย ขยายตัวจากเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 18 แต่หดตัวจากเดือนมีนาคมที่ผ่านมาคิดเป็นร้อยละ 16 ประเภทกิจการที่มีการจัดตั้งสูงสุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ ก่อสร้างอาคารทั่วไป บริการนันทนาการ และอสังหาริมทรัพย์
ส่วนการยกเลิกกิจการมีจำนวนทั้งสิ้น 697 ราย หดตัวลงเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนคิดเป็นร้อยละ 12 และหดตัวลงจากเดือนมีนาคมที่ผ่านมาคิดเป็นร้อยละ 16 ประเภทกิจการที่มีการยกเลิกมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หมวดก่อสร้างอาคารทั่วไป บริการนันทนาการ และอสังหาริมทรัพย์
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *