ค่าครองชีพพุ่ง! ฉุดเชื่อมั่นเอสเอ็มอีเดือน เม.ย.หล่นฮวบ

สสว.รายงานดัชนีเชื่อมั่นเอสเอ็มอีประจำเดือนเมษายน 2556 ลดลงทั้งปัจจุบันและคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 52.8 และ 41.2 และลดลงทุกกลุ่มธุรกิจ โดยมีค้าส่งสินค้าเกษตร ค้าปลีกน้ำมัน และบริการขนส่งมวลชนครองแชมป์ค่าดัชนีลดลงมากที่สุด ผลจากการบริโภคชะลอตัว ค่าครองชีพเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ราคาและปริมาณสินค้าเกษตรลดลง และเงินบาทแข็งค่า

นายชาวันย์ สวัสดิ์ชู-โต รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยถึงผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการภาคการค้าและบริการ (Trade & Service Sentiment Index : TSSI) ประจำเดือนเมษายน เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมีนาคม 2556 พบว่า ดัชนี TSSI SMEs รวมภาคการค้าและบริการลดลงอยู่ที่ 52.8 จากระดับ 55.0 (ลดลง 2.2) และเป็นการลดลงทุกภาคธุรกิจ โดยภาคค้าส่ง ภาคค้าปลีก และภาคบริการ ค่าดัชนีลดลงอยู่ที่ 50.0 51.0 และ 56.1 จากระดับ 51.8 54.3 และ 57.0 (ลดลง 1.8 3.3 และ 0.9) ตามลำดับ เช่นเดียวกับความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจประเทศและต่อธุรกิจตนเองค่าดัชนีลดลงอยู่ที่ 62.3 และ 58.8 จากระดับ 71.7 และ 65.2 (ลดลง 9.4 และ 6.4) ตามลำดับ

เมื่อพิจารณาแต่ละประเภทกิจการ พบว่าภาคค้าส่ง กิจการค้าส่งสินค้าเกษตรค่าดัชนีลดลงมากที่สุดอยู่ที่ 47.5 จากระดับ 52.7 (ลดลง 5.2) เนื่องจากสถานการณ์ด้านการผลิตภาคการเกษตรทั้งระดับราคา และปริมาณผลผลิตสินค้าเกษตรสำคัญปรับตัวลดลง โดยดัชนีราคาสินค้าเกษตรและดัชนีผลผลิตการเกษตรอยู่ที่ 146.23 และ 127.90 ปรับตัวลดลงร้อยละ 3.02 และ 9.23 นอกจากนี้ การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรปรับตัวลดลงร้อยละ 4.4 ภาคค้าปลีก กิจการค้าปลีกน้ำมัน ค่าดัชนีลดลงมากที่สุดอยู่ที่ 57.3 จากระดับ 63.6 (ลดลง 6.3) เนื่องจากการบริโภคน้ำมันชะลอตัวลง เห็นได้จากปริมาณการจำหน่ายน้ำมันในเดือนเมษายน ทั้งน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 95 และน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงร้อยละ 1.4 4.6 และ 7.1 ตามลำดับ ภาคบริการ บริการด้านขนส่งมวลชนและขนส่งสินค้า ค่าดัชนีลดลงมากที่สุดอยู่ที่ 60.0 และ 62.5 จากระดับ 67.8 และ 62.7 (ลดลง 7.8 และ 0.2) ผลจากประชาชนมีการเร่งเดินทางและขนส่งสินค้าไปมากในช่วงก่อนหน้า และจะเข้าสู่ช่วงฤดูฝนซึ่งจะส่งผลให้สถานการณ์ด้านการขนส่งชะลอตัวลง

ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า รวมภาคการค้าและบริการ พบว่าค่าดัชนีปรับตัวลดลงอยู่ที่ 41.2 จากระดับ 51.1 (ลดลง 9.9) และเป็นการลดลงทุกภาคธุรกิจ โดยกิจการภาคค้าส่ง ภาคค้าปลีก และภาคบริการ ค่าดัชนีลดลงอยู่ที่ 48.3 40.1 และ 39.8 จากระดับ 51.8 51.5 และ 50.3 (ลดลง 1.8 3.3 และ 0.9) เช่นเดียวกับความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจประเทศและต่อธุรกิจตนเองที่ค่าดัชนีลดลงอยู่ที่ 34.8 และ 27.5 จากระดับ 55.5 และ 51.6 (ลดลง 20.7 และ 24.1)

“สาเหตุสำคัญที่ทำให้ค่าดัชนีในเดือนเมษายน 2556 ปรับตัวลดลงทั้งค่าดัชนีปัจจุบัน และคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงทุกภาคธุรกิจ เป็นผลมาจากการปรับตัวลดลงขององค์ประกอบด้านยอดจำหน่ายและกำไร เนื่องจากมีการเร่งจับจ่ายใช้สอยไปมากในช่วงก่อนหน้า และจะเริ่มเข้าสู่ช่วงการเปิดภาคเรียนซึ่งประชาชนจะมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าเล่าเรียน ค่าอุปกรณ์การศึกษาจึงต้องระมัดระวังด้านการใช้จ่าย ส่งผลให้สถานการณ์ด้านการบริโภคในภาพรวมชะลอตัวลง ขณะที่ค่าครองชีพยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เช่นเดียวกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ซึ่ง ณ สิ้นเดือนเมษายนอยู่ที่ 29.32 นอกจากนี้ปัจจัยสำคัญที่ผู้ประกอบการมองว่าจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินกิจการในระดับสูง ได้แก่ ภาวะการแข่งขันในตลาด ต้นทุนสินค้าและค่าแรงงานที่เพิ่มขึ้น ภาวะเศรษฐกิจของประเทศและอำนาจซื้อของประชาชน ระดับราคาน้ำมันและค่าขนส่ง และการหดตัวของความต้องการสินค้าและบริการ” นายชาวันย์กล่าว

ส่วนผลการสำรวจดัชนีรายภูมิภาคในเดือนเมษายน เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมีนาคม 2556 พบว่าส่วนใหญ่มีค่าดัชนีปรับตัวลดลง โดยภูมิภาคที่มีค่าดัชนีลดลงมากที่สุด ได้แก่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล ค่าดัชนีอยู่ที่ 47.4 จากระดับ 52.9 (ลดลง 5.5) รองลงมาคือภาคกลาง ภาคตะวันตก และภาคตะวันออก ค่าดัชนีอยู่ที่ 58.7 จากระดับ 63.9 (ลดลง 5.2) และภาคตะวันออกเฉียงเหนือค่าดัชนีอยู่ที่ 54.3 จากระดับ 58.1 (ลดลง 3.8) โดยมีผลมาจากการปรับตัวลดลงของทุกภาคธุรกิจ ส่วนภูมิภาคที่มีค่าดัชนีเพิ่มขึ้น ได้แก่ ภาคใต้ ค่าดัชนีอยู่ที่ 51.7 จากระดับ 49.1 (เพิ่มขึ้น 2.6) และภาคเหนือค่าดัชนีเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 54.7 จากระดับ 54.4 (เพิ่มขึ้น 0.3) ตามลำดับ ซึ่งมีผลมาจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของภาคการค้าและบริการ

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *