xs
xsm
sm
md
lg

“ง่วนสูน” ปั้น “มวยไทย” ร้านฟาสต์ฟูดอาหารไทยอร่อยไกลถึงบาห์เรน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 วิศิษฎ์ ลิ้มประนะ รรมการผู้จัดการ บริษัท อาจจิตต์ อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็พเพอร์ แอนด์ สไปซ์ จำกัด ผู้ผลิตและส่งออกเครื่องเทศ เครื่องแกงสำเร็จรูป เครือง่วนสูน  แบรนด์ “ตรามือที่ 1”
เป็นที่ทราบกันดีว่า ในเวลานี้กระแสความนิยมอาหารไทยกำลังบูมมากในตลาดโลก แต่การจะไปเปิดร้านอาหารไทยสักร้านในต่างประเทศนั้นไม่ง่ายเลย เพราะมีโจทย์ยากหลายอย่างที่ต้องตีให้แตก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวัฒนธรรมท้องถิ่น พฤติกรรมการบริโภค ข้อกฎหมาย หรือเรื่องของเงินทุนที่ค่อนข้างสูง

จึงไม่น่าแปลกใจที่พบว่าที่ผ่านมามีผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยที่ล้มเหลว แต่ก็มีอีกจำนวนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จกับธุรกิจนี้ ขึ้นอยู่ที่ว่าก่อนจะไปลงทุนได้เตรียมตัวเองให้พร้อมมากน้อยแค่ไหน ดังนั้น เพื่อให้ผู้ที่สนใจจะไปลงทุนเปิดร้านอาหารไทยในต่างประเทศได้เห็นมุมมองที่ครบถ้วน

“Thai Taste” ฉบับนี้มีประสบการณ์ของ “วิศิษฎ์ ลิ้มประนะ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาจจิตต์ อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็พเพอร์ แอนด์ สไปซ์ จำกัด ผู้ผลิตและส่งออกเครื่องเทศ เครื่องแกงสำเร็จรูป ในเครือง่วนสูนภายใต้แบรนด์ “ตรามือที่ 1” ซึ่งได้เข้าไปเปิดร้านอาหารไทยชื่อ “ร้านมวยไทย” ที่กรุงมานามา ประเทศบาห์เรน มาให้ได้ศึกษา

“เราทำเครื่องเทศ เครื่องปรุงรส ภายใต้แบรนด์ตรามือที่ 1 มากว่า 60 ปีแล้ว โดยที่ผ่านมาเราพัฒนาผลิตภัณฑ์มาอย่างต่อเนื่อง เรามีผลิตภัณฑ์กลุ่มที่เรียกว่า seasoning ซึ่งเป็นผงที่จะนำไปทำอาหารสำเร็จรูป ตอนนี้มีเกือบ 30 เมนูแล้ว คืออะไรที่มันดูยากๆ เราทำให้มันง่ายขึ้น เช่น แกงป่า แกงส้ม แกงเลียง เราทำเป็นผงสำเร็จรูปขึ้นมา แล้วบรรจุเป็นซองๆ ขาย ตามซูเปอร์มาร์เก็ต อันนี้คืองานใหม่ของง่วนสูน

คราวนี้พอเรามีผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้แล้ว เราก็คิดว่าจะไปต่อยอดมันยังไง ก็ต้องทดลองเปิดร้านอาหารดู ก็เลยตัดสินใจจับมือกับนักธุรกิจไทยที่อยู่บาห์เรนเปิดร้านมวยไทยเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว” วิศิษฎ์เล่าย้อนถึงที่มาของการไปเปิดร้านอาหารไทยในประเทศบาห์เรน
ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในเครือง่วนสูน
การลุกขึ้นมาบุกเบิกธุรกิจร้านอาหารไทยในต่างประเทศของวิศิษฎ์นั้นมีหลักคิดที่ว่า จะทำอย่างไรให้คนท้องถิ่นในประเทศนั้นๆ สามารถทำอาหารไทยเองได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเชฟหรือพ่อครัวคนไทยที่มีความยุ่งยากในการเดินทางเข้าไปทำงาน ซึ่งมักจะติดปัญหาในเรื่องของวีซ่า และกฎระเบียบต่างๆ

เขาเลยเปิดเป็นร้านอาหารไทยในรูปแบบกึ่งฟาสต์ฟูด โดยอาหารทั้งหมดปรุงรสด้วยผงปรุงสำเร็จของบริษัท ทำให้พ่อครัวต่างชาติก็สามารถทำอาหารไทยได้

ส่วนที่ใช้ชื่อร้านว่า “มวยไทย” นั้น วิศิษฎ์ให้เหตุผลว่า เพราะมวยไทยเป็นวัฒนธรรมการต่อสู้ที่ชาวต่างชาติรู้จักดีอยู่แล้ว สื่อถึงความแข็งแรง เข้มแข็ง ฉะนั้นร้านมวยไทยจึงเป็นร้านอาหารเพื่อสุขภาพ กินแล้วร่างกายแข็งแรง

“ตอนนี้อาหารไทยใครๆ ก็ชอบ แต่ทำไมที่ผ่านมามีแต่ร้านในรูปแบบ Fine Dining ตกแต่งเป็นไทยสวยงาม มีพนมมือ ให้ลูกค้าไปนั่งแล้วเปิดเมนูสั่ง แต่ร้านรูปแบบฟาสต์ฟูดในประเทศบาห์เรนเราดูแล้วยังไม่มี ไม่รู้ว่าติดปัญหาอะไร

ประกอบกับตัวเราเองไม่ได้ทำอาชีพร้านอาหารมาก่อน แต่เรามีอาชีพอยู่ข้างหลังทำผง seasoning ขาย พอคิดจะมาทำร้านอาหารก็รู้สึกว่าต้องทำให้มันแปลกกว่าคนอื่นๆ เขา

แล้วที่สำคัญจะทำยังไงโดยไม่ต้องส่งพ่อครัวไป เราเลยใช้วิธีให้พ่อครัวไทยหนึ่งคนไปสอนคนที่โน่นใช้ผงที่ปรุงไปจากกรุงเทพฯ ให้เป็น เสร็จแล้วค่อยถอยทัพกลับมา ก็จะทำให้คนปากีสถานหรือชาติไหนๆ ก็สามารถทำผัดไทย ทำต้มยำกุ้งได้ ซึ่งรูปแบบนี้มันจะทำให้เราขยายร้านต่อได้”

ร้านมวยไทยเป็นร้านอาหารขนาดเล็กที่มีโต๊ะให้บริการเพียง 10 กว่าโต๊ะเท่านั้น เน้นให้บริการอาหารกล่องแบบ take a way โดยเน้นจับกลุ่มคนท้องถิ่นซึ่งมีกำลังซื้อสูง และชาวต่างชาติที่ทำงานอยู่ในประเทศบาห์เรน

ร้านจะเปิดให้บริการ 2 ช่วงเวลา คือ วันเสาร์ - วันพุธ เปิดเวลา 11.00 - 15.00 น. และเวลา 16.00 - 24.00 น. ส่วนวันพฤหัสบดี - วันศุกร์ เปิดเวลา 11.00 - 15.00 น. และเวลา 16.00 - 01.30 น.

ปัจจุบันที่ร้านมีเมนูอาหารไทยให้เลือกไม่ต่ำกว่า 20 เมนู เช่น แกงเขียวหวานไก่ ต้มข่าไก่ แกงพะแนงไก่ ลาบไก่ ปูผัดผงกะหรี่ ส้มตำไทย ยำวุ้นเส้น ทอดมันปลา เปาะเปี๊ยะกุ้งสด ราดหน้า ฯลฯ และน้ำดื่มไทยๆ มีน้ำกระเจี๊ยบ น้ำตะไคร้ และน้ำเก๊กฮวย สำหรับราคาอาหารและน้ำดื่มเริ่มต้นที่ 0.70-3.80 ดีนาร์บาห์เรน (1 ดีนาร์บาห์เรนเท่ากับเงินบาทไทย 80 กว่าบาท)

อย่างไรก็ดี ถ้ามองจากขนาดพื้นที่ของร้านมวยไทย ซึ่งเป็นลักษณะเหมือนร้านห้องแถวในเมืองไทย และจำนวนโต๊ะที่ให้บริการแล้ว หลายคนอาจคิดว่าใช้เงินลงทุนไม่สูงนัก

แต่ในความเป็นจริงวิศิษฎ์ทุ่มเงินลงทุนไปแล้วเกือบ 10 ล้านบาทเนื่องจากเป็นร้านแบบสแตนด์อะโลน ตั้งอยู่ในย่านเศรษฐกิจใจกลางเมืองหลวง เป็นย่านที่ค่ายทหารอเมริกันตั้งอยู่ ติดกับร้านมวยไทยเป็นร้านเดอะ พิซซ่า และร้านสตาร์บัคส์ ซึ่งค่าเช่าร้านจะสูงมาก ตกเฉลี่ยเดือนละกว่า 1 แสนบาท

ขณะที่ค่าแรงที่บาห์เรนก็สูงด้วยเช่นกัน โดยที่ร้านใช้พนักงาน 2 กะ กะละ 5 คน เป็นคนฟิลิปปินส์ และปากีสถาน

“กว่าเราจะเปิดร้านที่บาห์เรนได้ต้องใช้เวลาในการเตรียมเอกสารต่างๆ อยู่เกือบครึ่งปี เพราะการขอใบอนุญาตประกอบกิจการร้านอาหารที่โน่นเข้มงวดมาก ใช้มาตรฐานเดียวกับยุโรปเลย เพราะเขาเคยเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษมาก่อน อย่างเรื่องอัตราส่วนกี่ที่นั่งต้องมีครัวใหญ่กี่ตารางเมตร หรือจะใช้แก๊สยังไง มีมาตรฐานกำหนดไว้หมด มั่วไม่ได้เลย มีคนมาคอยตรวจ ฉะนั้นกว่าจะเปิดร้านได้เหนื่อย”

ถึงวันนี้ร้านมวยไทยเปิดให้บริการมาแล้วเกือบ 3 ปี ซึ่งถ้ามองในแง่ของยอดขาย วิศิษฎ์ บอกว่าน่าพอใจ กิจการอยู่ได้ แต่ถ้าถามว่าร้านนี้คืนทุนหรือยัง เขายอมรับว่ายังไม่คืนทุน

“ที่จริงคิดว่า 3 ปีก็น่าจะคืนได้แล้ว แต่ที่ยังไม่ได้เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาประเทศบาห์เรนเกิดปัญหาการเมืองภายใน ประชาชนเดินขบวนประท้วงรัฐบาล ก็ทำให้ต้อเปิดร้านไปบางช่วง

ที่สำคัญเรายังใหม่มากสำหรับธุรกิจร้านอาหาร ยังขาดประสบการณ์ แล้วพาร์ตเนอร์ของเราที่บาห์เรนก็ไม่มีประสบการณ์ด้านนี้เหมือนกัน พอเขามาบอกเราว่าไปได้ก็เปิดเลยโดยไม่ได้ศึกษาตลาดให้ดีเสียก่อน

พอไปเปิดจริงๆ พบว่ามีปัญหาเยอะ เพราะนอกจากปัญหาการเมืองของเขาแล้ว ยังมีปัญหาอากาศร้อนอีก คือที่โน่นกลางวันอากาศจะร้อนมากเกือบ 50 องศาเซลเซียส ในหนึ่งปีมี 6 เดือนร้อนจัด อีก 6 เดือนร้อนพออยู่ได้ พออยู่ได้เนี่ย 30 กว่าองศาเซลเซียสนะ ฉะนั้นในช่วงหน้าร้อนพอกลางวันปุ๊บไม่มีคนเดินเลย มื้อเที่ยงก็ขายไม่ค่อยได้ แล้วศาสนาเขามีเดือนรอมฎอนหนึ่งเดือนเต็ม กลางวันเขาไม่กินอะไรกันเลย มื้อเที่ยงก็ขายไม่ได้อีก

ประกอบกับที่ผ่านมาเราบริหารร้านโดยใช้วิธีสั่งการไปจากกรุงเทพฯ ทั้งหมด ใช้ดูกล้องเอา ต้นทุนมันเลยสูงไปหน่อย เพราะพาร์ตเนอร์เราก็ไม่เคยทำร้านอาหารมาก่อน เขาก็ใหม่ เราก็ใหม่ มีแค่ใจกล้า ก็เลยลองทำดู เพราะถ้าไม่ลองก็ไม่รู้

แต่อย่างน้อยๆ มันทำให้เรารู้ว่าผง seasoning ที่เราทำขึ้นมามันเอาไปทำอาหารขายได้จริงๆ ซึ่งมองว่าในส่วนของครัวเราสำเร็จนะ แต่การทำร้านอาหารองค์ประกอบมันมากกว่านั้น ผมคิดว่างานบริการเราไม่เข้มแข็ง แต่ถามว่าคนติดไหม ก็มีลูกค้ามารับประทานประจำนะ อย่างสถานทูตไทยที่บาห์เรน พอมีงานสำคัญๆ ก็สั่งอาหารที่ร้านเราไป”

แม้ตอนนี้ร้านมวยไทยยังไม่คืนทุน แต่วิศิษฎ์ยืนยันว่าร้านอาหารมวยไทยยังเดินต่อไปได้ เพราะอาหารไทยได้รับความนิยมสูง ซึ่งตลอดระยะเวลาเกือบ 3 ปีที่ผ่านมามีนักธุรกิจในตะวันออกกลางสนใจเข้ามาสอบถามรายละเอียดถึงการเปิดร้านอาหารไทยเป็นจำนวนมาก

ด้วยเหตุนี้วิศิษฎ์จึงปรับกลยุทธ์ใหม่ โดยจะขายร้านมวยไทยที่บาห์เรนให้นักลงทุนชาวต่างชาติไปทำต่อ ส่วนตัวเขาจะเบนเข็มนำคอนเซ็ปต์ร้านมวยไทยไปขยายต่อในตลาดอื่นๆ เช่น อเมริกา ยุโรป

“ตอนนี้เราเปลี่ยนทิศทางแล้ว เราคิดว่าจะขายร้านนี้ให้ต่างชาติเขาไปรันต่อ เพราะเรารันแล้ว Overhead Cost มันสูง ต้องบินไปบ้าง อะไรบ้าง ซึ่งคนที่อยากได้ร้านก็มีเยอะนะ ทั้งนักธุรกิจดูไบ นักธุรกิจซาอุดีอาระเบีย ก็อยู่ในช่วงเจรจา ถ้าตกลงกันได้เราจะเปลี่ยนมือไปให้เขา เราก็ซัปพอร์ตวัตถุดิบให้เขา แล้วเรามูฟไปทำที่อื่นต่อ”

เป้าหมายในการทำธุรกิจร้านอาหารไทยของวิศิษฎ์นั้น เขาตั้งเป้าไว้สูงถึงขนาดจะให้ร้านมวยไทยมีสาขากระจายอยู่ทั่วโลก แล้วเป็นร้านฟาสต์ฟูดไทยที่สามารถแข่งขันกับแบรนด์ฟาส์ตฟูดระดับอินเตอร์ฯ ได้ โดยหลังจากนี้สาขาที่คาดว่าจะเปิดได้ก่อนคือที่อเมริกา เพราะตอนนี้มีพาร์ตเนอร์มาติดต่อแล้ว แต่จะเป็นเมืองไหนกำลังดูอยู่

สุดท้าย ในฐานะที่มีประสบการณ์ในการเปิดร้านอาหารในต่างประเทศ วิศิษฎ์ฝากข้อคิดว่า

“ผมมองว่าการไปเปิดร้านอาหารไทยในต่างประเทศต้องมีความพร้อม 3 เรื่องหลัก คือ หนึ่ง - ต้องมีพาร์ตเนอร์ อันนี้สำคัญเลย ไม่มีใครเข้าไปทำคนเดียวได้หรอก แล้วต้องมีพาร์ตเนอร์ที่ดี รู้จริง สอง - ต้องมีเชฟ และสาม - ต้องมีเงินทุน มีสายป่านยาว

ที่ผ่านมาผมแก้ปัญหาเรื่องพ่อครัวไปได้หนึ่งเปราะ ผมยังขาดเรื่องพาร์ตเนอร์ที่ดี กับเงินทุน สายป่านต้องยาว ถ้าสายป่านไม่ยาวสู้ไม่ไหว อย่างที่บอกว่าจะไปเปิดร้านที่อเมริกา รู้มั้ยเฉพาะค่าเช่าก็ตกเดือนละ 2 แสนกว่าแล้ว แล้วเขาขอเก็บล่วงหน้า 6 เดือน เป็นเงินเท่าไหร่ แล้วเวลาไปเปิดร้านหนึ่งร้าน ตกแต่งใช้เงิน 5-6 ล้านบาท ไม่รู้ว่าเอาอยู่หรือเปล่า เพราะของที่โน่นแพงมาก

ฉะนั้นผู้ประกอบการร้านอาหารที่เป็น SMEs ที่จะไปต่างประเทศก็ต้องเตรียม 3 เรื่องนี้ให้พร้อม”

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

ขอบคุณข้อมูลจากนิตยสาร SMEs PLUS ฉบับเดือนตุลาคม 2555

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น