ชี้เปิดเออีซี “แฟรนไชส์ต่างชาติ” แห่ใช้ไทยบุกอาเซียน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ชี้หลังเปิด “เออีซี” ธุรกิจแฟรนไชส์ในประเทศไทยแนวโน้มเติบโตอย่างสูง ธุรกิจแฟรนไชส์ต่างชาติแห่ใช้ไทยเป็นฐานขยายสู่ตลาดอาเซียน กระตุ้นภาครัฐ-เอกชนเร่งสร้างมาตรฐานวางระบบทัดเทียมสากล เผยปี 2555-56 ตลาดรวมมูลค่ากว่า 2.38 แสนล้านบาท ประเภทร้านอาหารครองแชมป์นิยมสูงสุด

นายพิภวัตว์ ภัทรนาวิก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า จากข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์แนวโน้มตลาดแฟรนไชส์ในประเทศว่า ภายหลังเปิดการค้าเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 จะมีธุรกิจแฟรนไชส์ต่างชาติที่ส่วนใหญ่เป็นชาติเอเชีย เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ เกาหลี ญี่ปุ่น และจีน เป็นต้น เพื่อเตรียมใช้ประเทศไทยเป็นฐานการลงทุนระบบแฟรนไชส์ขยายตลาดไปสู่ชาติอาเซียน รวมถึงขยายสาขาในไทยด้วย เนื่องจากประเทศไทยมีความพร้อมด้านทำเลที่ตั้งของประเทศ รวมถึงมีปัจจัยพื้นฐานเอื้อต่อการทำธุรกิจแฟรนไชส์ อีกทั้งประชากรชาวไทยยังมีการตื่นตัวเป็นเจ้าของกิจการของตัวเอง การลงทุนแฟรนไชส์จึงเป็นทางเลือกที่น่าใจ

จากทิศทางดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าตลาดแฟรนไชส์ในประเทศไทยมีโอกาสที่จะโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ต้องควบคู่กับการมีปัจจัยสนับสนุนจากทั้งภาครัฐและเอกชนในการสร้างมาตรฐานระบบแฟรนไชส์ในประเทศให้มีศักยภาพเทียบเท่าในระดับสากล และสามารถแข่งขันทั้งตลาดในประเทศ และขยายไปยังตลาดต่างประเทศได้

ทั้งนี้ ตลาดแฟรนไชส์ไทยในปีที่แล้ว (พ.ศ. 2555) มาถึงปีนี้ (พ.ศ. 2556) พบว่า มีมูลค่าตลาดรวมกว่า 2.38 แสนล้านบาท โดยมีแฟรนไชซอร์ (Franchisors : ผู้ให้สิทธิ์ในการประกอบธุรกิจ) จำนวนประมาณ 330 ราย และแฟรนไชซี (Franchisee : ผู้รับสิทธิ์ในการประกอบธุรกิจ) จำนวนประมาณ 63,000 สาขา โดยธุรกิจแฟรนไชซอร์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด 3 อันดับแรกของประเทศไทย ได้แก่ 1. ธุรกิจร้านอาหาร (28%) 2. ธุรกิจร้านเครื่องดื่ม-เบเกอรี (15%) และ 3. ธุรกิจบริการ (12%) เนื่องจากธุรกิจทั้ง 3 ประเภทเป็นธุรกิจที่มีการลงทุนไม่สูงมากนัก และมีระบบการจัดการที่ไม่ซับซ้อน

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *