ตราบใดที่คนไทยยังแสวงหาที่พึ่งทางใจอย่าง พระพุทธศาสนา สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับการทำบุญไหว้พระตามประเพณี โดยเฉพาะการจุดธูปและเทียนบูชา ยังคงสิ่งจำเป็นที่คู่กับพระพุทธศาสนา ตามความเชื่อ
ด้วยเหตุนี้เอง เป็นที่มาของแนวคิด การพัฒนาเทียนแบบไม่มีน้ำตาเทียนขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกสร้างความสะดวกแก่ผู้ใช้ แนวคิดดังกล่าว เป็นของ “นายศักดิ์ดา เบญจเทพานันท์” และเพื่อนได้คิดค้นหาวิธีการผลิตเทียนที่จุดแล้วไม่มีน้ำตาเทียน ซึ่งข้อดีของการไม่มีน้ำตาเทียน คือ ช่วยให้จุดเทียนได้นานขึ้น (เทียนที่มีน้ำตาเทียนขนาดหนัก 1 บาทใช้ได้นานประมาณ 1-2 ชั่วโมง แต่ถ้าเป็นเทียนไม่มีน้ำตาเทียนจุดได้นาน 2-3 ชั่วโมง) และไม่ต้องกังวลว่าน้ำตาเทียนจะหยดเปื้อนสิ่งต่างๆ ด้วย
นายศักดิ์ดา เล่าว่า การทำเทียนแบบไม่มีน้ำตา จะต้องเลือกใช้วัตถุดิบใหม่ และนำวัตถุดิบไปผ่านการทำความสะอาดให้เรียบร้อย ก่อนนำมาผ่านกระบวนการผลิต ซึ่งเทียนที่เกิดน้ำตาเทียนส่วนใหญ่เกิดมาจากโรงงานที่ไปเหมาเทียนที่หล่อวันเข้าพรรษา จากวัดและนำมาหลอมทำเทียนขึ้นมาใหม่ วัตถุดิบคุณภาพไม่ดี ไม่สะอาด ทำให้เกิดน้ำตาเทียนมาก เมื่อจุดก็หมดเร็ว เพราะความร้อนไปเผาไส้เทียน ทำให้ไส้เทียนไหม้และหมดเร็ว
ในขณะที่เทียน ของคุณศักดิ์ดา ใช้เทคนิคการทำให้ไส้เทียนไหม้ช้า ด้วยการใช้ความร้อนดูดวัตถดิบ และขึ้นไปเผาไส้เทียนอีกที่หนึ่ง แต่ถ้าเป็นเทียนทั่วๆไป ความร้อนมาจากไส้เทียนกระจายไปที่ตัววัตถุดิบ จึงเกิดน้ำตาเทียน และทำให้เทียนหมดเร็ว
นอกจากนี้ เทียนทุกเล่มของแบรนด์ “ศักดิ์มงคลพร” จะมีกลิ่นหอมของดอกไม้ 9 ชนิด ซึ่งถือว่าเป็นผู้ผลิตเทียนไหว้พระรายแรกที่ทำเทียนแบบมีกลิ่นหอม และมีสีให้เลือกตามวันเกิด เพราะปัจจุบันคนนิยมจุดเทียนไหว้พระตามสีวันเกิดของตัวเอง อย่างไรก็ตาม ตามความเชื่อของคนไทยก็ยังคงนิยมสีเหลือง และสีขาว ส่วนคนที่ชื่นชอบเทียนหอม ทางศักดิ์มงคลพร มีเทียนหอม ที่ทำจากดอกมะลิสด จำหน่ายด้วย ซึ่งจะให้กลิ่นหอมตามธรรมชาติ ต่างจากเทียนหอมอื่นๆ ที่ทำจากกลิ่นสังเคราะห์
สำหรับราคาเทียนทางศักดิ์มงคลพร ใช้กลยุทธ์ ราคาและคุณภาพที่เหมาะสม โดยยอมที่จะได้กำไรน้อย เพราะเป็นหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำตลาด ดังนั้น ราคาขายยังคงขายในราคาเดียวกับเทียนทั่วๆไป ซึ่งกลยุทธ์การตลาดแบบที่ไม่เหมือนใคร ช่วยให้สามารถทำยอดขายได้เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ภายในระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่ปีแจ้งเกิดในตลาดได้อย่างเต็มตัว โดยเริ่มต้นทำเทียนปีแรก 2553 ขายเทียนได้ 8 แสนบาท ปี2554 มียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 8 ล้านบาท และปี 2555 ที่ผ่านมา มียอดขายเพิ่ม 20 ล้านบาท และตั้งเป้าปี 2556 เพิ่ม 40 ล้านบาท
นายศักดิ์ดา เล่าถึงกลยุทธ์การตลาดที่ทำให้เติบโตอย่างรวดเร็ว มาจากคุณภาพ และสินค้า ทำให้คนหันมาให้ความสนใจสินค้าศักดิ์มงคลพร และทำการตลาดได้ไม่ยาก ซึ่งกำไรที่ได้ต่อหน่วยอาจจะไม่มากประมาณ 20% ในขณะที่โรงงานเทียนทั่วไปน่าจะทำกำไรได้มากถึง 50-100%
ส่วนช่องทางการจัดจำหน่ายใช้การขายผ่านตัวแทนจำหน่าย ร้านสังฆภัณฑ์เป็นหลัก ปัจจุบันมีลูกค้าในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดในภาคกลาง มีแผนที่จะขยายตลาดไปทั่วประเทศ อีกทั้งอยู่ระหว่างการหาช่องทางเข้าไปขายในกลุ่มประเทศอาเซียน อย่าง พม่า กัมพูชา และลาว เพราะประเทศเหล่านี้ นิยมทำบุญไหว้พระ และแต่ละปีมีการใช้ธูปและเทียนค่อนข้างมาก คาดว่า 1-2 ปี น่าจะได้ขยายตลาดไปต่างประเทศอาเซียนได้
คุณศักดิ์ดา เล่าว่า ได้ใช้เวลาในการคิดค้นเทียนของศักดิ์มงคลพร แบบลองผิดลองถูกนานถึง 5-6 เดือน กว่าจะได้เทียนในแบบที่ต้องการ นอกจากเทียน ยังได้มีแผนที่จะพัฒนาธูปในแบบของเราเอง เป็นธูปสูตรน้ำหอม ขณะนี้อยู่ระหว่างการคิดค้นสูตรน้ำหอมที่เหมาะสมกับการนำมาใช้กับธูป และทางร้านยังมีผลิตภัณฑ์สังฆภัณฑ์ จำหน่าย และส่วนโรงงานรับจ้างผลิตเทียนให้กับลูกค้าที่ต้องการนำไปติดแบรนด์ของตัวเอง
สำหรับในส่วนของศักดิ์ดามงคลพร เป็นหนึ่งในลูกค้าที่ได้รับการช่วยเหลือจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอีแบงก์) โดยได้รับการพัฒนาออกแบบโลโก้ และนามบัตรให้ใหม่
โทร. 08-9634-2942