หลังจากที่ กรุงเทพมหานคร ได้เปิดพื้นที่ในส่วนของฝั่งธนบุรี บริเวณเลียบคลองทวีวัฒนา เปิดตลาดนัดธนบุรี (สนามหลวง 2) โดยเช่าพื้นที่ของห้างหุ้นส่วน จำกัด สวนพฤษศาสตร์ กรุงเทพมหานคร ระยะเวลาเช่า 30 ปี ในพื้นที่รวม 110 ไร่ แบ่งเป็นสวนสาธารณะ 60 ไร่ และพื้นที่ตลาด 40 ไร่ อาคารสำนักงาน และทางเข้า 10 ไร่ โดยได้เริ่มเปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2543 สินค้าหลักช่วงเริ่มต้น ตลาดขายส่งต้นไม้ (โดยเฉพาะกล้วยไม้ ถือเป็นแหล่งขายกล้วยไม้สำคัญแห่งหนึ่ง) สัตว์เลี้ยง ปลาสวยงาม ของแต่งบ้านและของเก่า
ปัจจุบันตลาดนัดสนามหลวง 2 เปิดดำเนินการขยายเต็มพื้นที่ มีผู้เข้าใช้บริการในช่วง วันหยุด เสาร์- อาทิตย์ หลักหมื่น ไปจนถึงหลักแสนคน สินค้าที่เปิดให้บริการนอกจาก ต้นไม้ สัตว์เลี้ยง ของแต่งบ้าน ของเก่า ยังรวมไปถึง เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย เรียกได้ว่า ไม่ได้แตกต่างไปจากตลาดนัดสวนจตุจักร เพราะมีสินค้าให้เลือกหลากหลาย ส่วนค่าเช่าห้องปรับราคาล่าสุด กรุงเทพมหานคร คิดค่าเช่าห้องละ 750 บาท
ตลาดนัดสนามหลวง 2 ช่องทางหารายได้นายทุน บนความทุกข์ยากพ่อค้า แม่ค้า
ทั้งนี้ การเข้ามาบริหารตลาดนัดสนามหลวง 2 ของกรุงเทพมหานคร ยังคงใช้ลักษณะเช่นเดียว กับการบริหารตลาดนัดสวนจตุจักร เพราะผู้เช่า ส่วนใหญ่จะเป็นระบบนายทุน ที่มาจองเช่าพื้นที่ ก่อนจะนำมาปล่อยให้พ่อค้า แม่ค้า ได้เช่าต่ออีกทอดหนึ่ง ในราคาที่ขึ้นอยู่กับทำเล บางพื้นที่ หรือ บางจุด นั้นเซ้งกันในราคาหลักล้านบาทเลยที่เดียว หรือ ถ้าเป็นพื้นที่ส่วนแรก เป็นส่วนที่ลูกค้าให้ความนิยม ปล่อยให้เช่า กันตั้งแต่ 2,500 บาท ไปจนถึง 5,000 บาท ต่อห้อง ขนาด 2 x 2 เมตร แต่ถ้าเป็นโซนส่วนขยาย มีนายทุนที่เจ้าของเดิมมาเช่าเก็บของบ้าง หรือ ถ้าเป็นจุดที่ทำเลดี มีบริษัทที่มารับช่วงต่อ เข้ามาดูแลกิจการ ชื่อ บริษัทไทยเทวราช จำกัด จะปล่อยให้เช่า กันในราคาตั้งแต่ 1,500 บาท ไปจนถึง 2,000 บาท หรือ นายทุนรายย่อย ที่เช่าไว้หลายแผง นำมาปล่อยต่ออีกที่หนึ่ง ในราคาใกล้เคียงกัน
แผงค้าทำเลดี ราคาถูก ทางออก “คนตกงาน” ที่รัฐไม่ควรมองข้าม
นอกจากนี้ ทางกรุงเทพมหานคร ยังเปิดพื้นที่ในส่วนแผงค้า ปูผ้า ให้กับทางบริษัทไทยเทวราช เข้ามาเป็นผู้ดูแลบริหารจัดการ ส่วนขยายทั้งหมด ปัจจุบัน มีคนให้ความสนใจ ในการนำสินค้ามาขายในส่วนขยาย โดยเฉพาะในพื้นที่ ลานกว้าง แบบปูผ้า ซึ่งทางบริษัท คิดค่าเช่า พื้นที่ตั้งแต่วันละ 300 บาท ไปจนถึง 500 บาท และในอดีตที่จัดเก็บเป็นรายวัน ได้เปลี่ยนมาจัดเก็บเป็นรายเดือน เรียกว่า ถ้าพ่อค้า แม่ค้า คนไหนไม่มีเงินก้อน ก็ไม่สามารถเช่าได้ แต่พ่อค้าแม่ค้ายินดีที่จะจ่าย เพราะการปูผ้าขาย นั้น ลูกค้าให้ความสนใจมากกว่า เนื่องจากเป็นการรวมกลุ่มกันมาขาย ลูกค้ามีของให้เลือกจำนวนมากกว่า
ทั้งนี้ ในส่วนของกรุงเทพมหานคร คิดค่าเช่า พื้นที่ ในราคาห้องละ 750 บาท และเสียค่าดำเนินการ 3,000 บาท และเงินประกันจำนวน 1,500 บาท (คืนหลังจากเลิกสัญญา) รวมผู้เช่าจะต้องจ่ายก่อนประมาณ 5,000กว่าบาท ซึ่งเชื่อว่า ผู้เช่าเอง ก็คงจะยินดีที่จะจ่าย เพราะเสียค่าเช่าถูกกว่า การต้องไปเช่าต่อจากผู้เช่ารายอื่น ๆ ที่คิดเช่า เพิ่มขึ้นไปอีกกว่าเท่าตัว
อย่างไรก็ตาม พ่อค้า แม่ค้า หรือ คนไทยทุกคนก็คงจะตั้งคำถาม เช่นเดียวกันกับการบริหารตลาดนัดสวนจตุจักร ของกรุงเทพมหานคร ว่า ทำไม กรุงเทพมหานคร ถึงไม่เข้ามาดูแลเอง ถ้าต้องการจะช่วยเหลือ พ่อค้า แม่ค้า ที่มีรายได้น้อย ได้มีพื้นที่ขาย จริง โดยเฉพาะในส่วนของแผงค้าปูผ้าขาย เดิมเสียค่าเช่าเริ่มต้นกันที่ 50 บาท มาจนถึง 150 บาท จนถึงปัจจุบัน 300 บาท และ 500 บาท เป็นการปรับราคา แบบก้าวกระโดด หลังจากกรุงเทพฯให้ทางหน่วยงาน ภาคเอกชนเข้ามาดูแล บริหารจัดการ ทั้งที่ กรุงเทพมหานคร ก็น่าจะมีศักยภาพพอที่จะบริหารจัดการในส่วนนี้ได้ และน่าจะทำให้มีเงินเข้ากทม.อีกก็เป็นได้ และที่สำคัญ ยังได้ช่วยเหลือ พ่อค้า แม่ค้า ที่หาเช้ากินค่ำ ได้มีพื้นที่ขายของในราคาที่ไม่ได้ถูกเอารัดเอาเปรียบจากระบบนายทุน
ฝากผู้ว่าฯ คนใหม่ ยกเครื่อง สนามหลวง 2 ช่วยผู้ค้ารายได้น้อย
และวันนี้ คงจะต้องฝากไปยัง ผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร คนใหม่ ที่จะมีเลือกตั้ง กันในเร็วๆนี้ ได้ลองเข้ามาดูแล การบริหารงานในส่วนของตลาดนัด สนามหลวง 2 เพราะเป็นช่องทางหนึ่ง ที่น่าจะช่วยเหลือ พ่อค้า แม่ค้า ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ราคาสินค้ามีราคาแพงขึ้น จำเป็นต้องหารายได้เสริม รวมไปถึง คนตกงานที่มาจากการปิดกิจการของบริษัท ห้างร้าน ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้น ค่าแรง 300 บาทต่อวัน และอาชีพที่ช่วยให้เขามีรายได้รวดเร็วและง่ายสุดตอนนี้ คือ การมีแผงค้าในทำเลดี ดี และค่าเช่าไม่แพง
----------------------------------------
