xs
xsm
sm
md
lg

เหตุรุนแรงปัตตานี กระทบ SMEs ไซส์ใหญ่ทิ้งพื้นที่ พลิกวิกฤตแจ้งเกิดคลัสเตอร์รายย่อย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ นายอำเภอสายบุรี จ.ปัตตานี
นายอำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี เผยเหตุความรุนแรงในพื้นที่ส่งผลต่อธุรกิจเอสเอ็มอีรายใหญ่ และพาร์ตเนอร์ร่วมลงทุนในพื้นที่ย้ายออกหมด ชี้จากวิกฤตกลายเป็นโอกาสเพราะทำให้เกิดเอสเอ็มอีรายย่อยมากขึ้น และเป็นที่มาของการรวมกลุ่มคลัสเตอร์อัตโนมัติ ด้านกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย มอบนโยบายด่วน เร่งให้ความรู้ ลดต้นทุน หาตลาดรองรับมากขึ้น

นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ นายอำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ในขณะนี้ส่งผลต่อธุรกิจเอสเอ็มอีบางส่วน เพราะกิจการสถานประกอบการต่างไม่ได้รับความสะดวกสบายในการติดต่อซื้อขายสินค้ากับผู้ประกอบการที่อยู่นอกพื้นที่ถอยออกไปหมด ไม่กล้าลงพื้นที่ ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ต้องออกไปติดต่อลูกค้าเอง ส่งผลต่อต้นทุนที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม จากวิกฤตกลายเป็นโอกาส เพราะช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจในพื้นที่ได้มีโอกาสช่วยเหลือตัวเองให้มากขึ้น ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของภาครัฐในการบริหารกิจการชายแดนภาคใต้

สำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีในสายบุรีปัจจุบันมีประมาณ 40-50 ราย กิจการดำเนินการ ประกอบไปด้วยการผลิตน้ำบูดู ผลิตข้าวเกรียบปลา การทำกิจการยางก้นถ้วย การผลิตกล้ายางเพาะชำ จำหน่าย การเลี้ยงปลากระชัง เป็นต้น แม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่บ่อยครั้ง แต่ไม่ได้กระทบในส่วนของการเติบโตของธุรกิจเอสเอ็มอี สังเกตได้การลงทุนที่เพิ่มขึ้นมีธนาคารภาครัฐ อย่างธนาคารออมสิน ธนาคารธนชาต เข้ามาเปิดให้บริการในพื้นที่

ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ความรุนแรงดังกล่าวทำให้ธุรกิจขนาดใหญ่ไม่กล้าเข้ามาลงทุน ส่งผลให้ธุรกิจรายย่อยเกิดมากขึ้น และวิกฤตเป็นโอกาส เพราะทำให้การทำงานกลุ่มวิสาหกิจรายย่อยมีการรวมตัวกันทำกันเป็นกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผลิต ออกแบบแพกเกจจิ้ง กลุ่มพัฒนาตัวสินค้า กลุ่มด้านการตลาด เกิดเป็นกลุ่มคลัสเตอร์ต่างๆ ในพื้นที่โดยอัตโนมัติ ซึ่งทำให้การเข้าไปช่วยเหลือของหน่วยงานภาครัฐทำงานได้ง่ายขึ้น

นายไกรศรกล่าวต่อว่า ในส่วนของราชการ กระทรวงมหาดไทยมีหน้าที่ในการทำให้ประชาชนในพื้นที่มีความอยู่ดีมีสุข มีคุณภาพชีวิตดี ซึ่งในส่วนแนวทางการส่งเสริมเอสเอ็มอีมุ่งเน้นการดำเนินงานตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในการเพิ่มรายได้ ปัจจุบันได้รับงบประมาณเป็นงบพัฒนา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในการส่งเสริมเอสเอ็มอี และโอทอป โดยมอบเงินทุนให้ครัวเรือนละ 5,000 บาท จำนวน 30 หมู่บ้าน เพื่อใช้พัฒนากิจการที่ดำเนินการอยู่

ส่วนนโยบายอื่นๆ ที่ทางอำเภอสายบุรี ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ คือ การให้ความรู้ โดยนำนักวิชาการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปให้ความรู้ สิ่งสำคัญ ต้องพยายามลดต้นทุนด้านการผลิต และหาตลาดให้มากขึ้น สินค้าที่ขึ้นชื่อของพื้นที่สายบุรี คือ น้ำบูดู และข้าวเกรียบปลา สำหรับการแก้ปัญหาการตลาด ควรจะให้เงินกู้แก่พ่อค้าคนกลางในพื้นที่ ให้มีเงินมากพอที่จะเข้าไปซื้อสินค้าในพื้นที่ได้ครั้งละจำนวนมากๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น