หลังจบการประกวดมิสไทยเวิลด์ ปี 2012 ไปอย่างสวยงามเมื่อหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา “น้องนฉัตร - วัลเณซ่า เมืองโคตร” ลูกครึ่งไทย-เยอรมัน ก็สามารถคว้าตำแหน่งมาครอง ด้วยคำถามที่ชนะใจกรรมการ และมาในวันนี้เธอเองได้เดินทางมาเยือน “หนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน” ทางทีมงาน “ผู้จัดการกองทุนรวม” จึงไม่รอช้า รีบเข้าไปสอบถามถึงการบริหารเงินออมกับเงินรางวัลที่ได้ว่าเธอจะมีการจัดสรรอย่างไรบ้าง...
“นฉัตร” เริ่มบอกว่า เงินรางวัลที่ได้จากการประกวด มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2012 รวมมูลค่ากว่า กว่า 6.15 ล้านบาท ซึ่งแบ่งออกเป็น เงินสด 1 ล้านบาท, มงกุฎเพชรจาก OG Color of Life มูลค่า 1.2 ล้านบาท, รถยนต์ Toyota Prius รุ่น Top Grade มูลค่า 1. 28 ล้านบาท ทาวน์โฮมพร้อมที่ดิน โครงการ เค.ซี.คลัสเตอร์ รามอินทรา จากบริษัท เค.ซี.พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มูลค่า 1.7 ล้านบาท และยังมีอื่นๆ อีก
โดยเงินสดที่ได้มา “นฉัตร” บอกว่า เงินจำนวน 1 ล้านบาทจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน โดยส่วนแรกจะเก็บไว้เป็นทุนการศึกษา เพราะขณะนี้กำลังศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง สาเหตุที่เลือกเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงเพราะมองว่าเราสามารถเรียนไปด้วยทำงานช่วยคุณแม่ได้ด้วย และสามารถใช้เวลาที่เหลืออยู่ทำอย่างอื่นได้ ซึ่งคิดว่าการเรียนมันไม่ได้อยู่ในห้องเรียนอย่างเดียว สิ่งสำคัญคือประสบการณ์มากกว่า
ส่วนที่ 2 แบ่งให้คุณแม่เก็บไว้ใช้จ่ายส่วนตัว และส่วนที่ 3 จะเงินบางส่วนมาทำบุญ ส่วนทาวน์โฮมที่ได้มูลค่า 1.7 ล้านบาท คิดว่าจะเก็บไว้เพื่อปล่อยเช่า เพื่อเป็นการสร้างรายได้ในอีกส่วนหนึ่ง และอีกอย่างคือทาวน์โฮมที่ได้อยู่ไกลจากสถานที่เรียน จึงเกรงว่าจะทำให้เดินทางลำบาก และอีกประเด็นหนี่งคือเราอยู่คนเดียวด้วยมันยังคงจะไม่ค่อยสะดวกในตอนนี้
“นฉัตร” บอกต่ออีกว่า รางวัลที่ได้มาถือว่ามีค่ามาก เราต้องรู้จักบริหารให้ดีไม่เช่นนั้นแล้วมันอาจจะสูญหายไปอย่างไม่มีค่าเลย ซึ่ง “นฉัตร” มองว่า อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน อะไรเกิดขึ้นได้อยู่ตลอดเวลา และถ้าวันหนึ่งเราเกิดไม่มีรายได้เข้ามา เงินตรงที่เก็บและบริหารอย่างเป็นระบบมันจะช่วยเหลือเราตรงนี้ได้
ขณะเดียวกันในช่วงวัยเด็ก คุณแม่ “นฉัตร” เองจะสอนอยู่เสมอว่าให้เรารู้จักประหยัดและอดออม โดยคุณแม่จะเป็นตัวอย่างให้กับเรา เพื่อไม่ให้เราซื้อของใช้ที่มันฟุ่มเฟือย ซึ่งคุณแม่จะสอนให้รารู้จักเป็นคนที่เรียนรู้กับการใช้จ่ายเงินว่าได้มาเท่าไหร่จะใช้เท่าไหร่และเก็บเท่าไหร่ ซึ่งเราก็นำหลักการนี้มาใช้จนถึงปัจจุบัน
“ตัวนฉัตรเองเป็นคนไม่ใช่ของแพง ไม่ติดหรู การซื้อของก็ไม่จำเป็นต้องเป็นของแบรนด์เนมเสมอไป แต่โดยส่วนตัวแล้วเป็นคนชอบแฟชั่น ชอบแต่งตัว แต่ของที่ใช้ก็จะมีราคาที่ไม่แพงอย่างที่บอกไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เพราะคิดว่า มันเป็นของใช้ที่ฟุ่มเฟือย ไม่นานแฟชั่นใหม่ๆ ก็ออกมา และมันก็จะเป็นการประหยัดกับของที่ไม่จำเป็นให้เราได้มีเงินเก็บไว้ใช้จ่ายอย่างอื่นได้ด้วย” นฉัตรบอก
และการรู้จักคุณค่าของเงินนั้น “นฉัตร” ต้องทำงานตั้งแต่อายุ 15 ปี เพราะเป็นคนไม่ชอบอยู่เฉยๆ เลยมาเดินแบบเพื่อหารายได้ให้กับตัวเอง ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างรายได้ให้กับตัวเองเป็นครั้งแรก จำได้ว่า ได้เงินสดมาจำนวน 25,000 บาท ในช่วงอายุ 15 ปี ตอนนั้นถือว่าเยอะมาก ทำให้เรามีกำลังใจที่จะทำงานเพื่อหารายได้เพิ่มขึ้นมาอีก และหลังจากนั้นก็ได้เข้ามาประกวด Miss Teen Thailand 2008 และเวทีนางแบบ Thai Supermodel Contest 2011 ซึ่งในตอนนั้นใช้ชื่อ “วัลเณซ่า พวง แฮร์มันน์” แต่ได้แค่เข้ารอบ 10 คนสุดท้ายเท่านั้น และก็ประกวดมาเรื่อยๆ จนมาถึงชนะการประกวดในครั้งนี้
ปัจจุบันที่บ้านของ “นฉัตร” ทำบังกะโลเล็กๆ อยู่ที่จังหวัดภูเก็ต แถวหาดราไว โดยใช้ชื่อบังกะโลว่า Vanessa ซึ่งเป็นบังกะโลเล็กๆ จำนวน 8 หลัง จะอยู่กันแบบครอบครัว โดยตัว “นฉัตร” เองจะคอยทำหน้าที่เกือบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นต้อนรับแขก ทำความสะอาดเป็นต้น เพราะมันเป็นบังกะโลเล็กๆ ที่อยู่กันแบบครอบครัวจริงๆ ดังนั้นคนในครอบครัวก็จะช่วยๆ กันดูแล
“นักท่องเที่ยวจะมีเข้ามาพักที่บังกะโลอยู่เรื่อยๆ ยิ่งช่วงน่าไฮซีซันด้วยแล้วก็จะมีสีสันหน่อย เพราะนักท่องเที่ยวจะเยอะ ห้องพักก็จะเต็มหมด แต่ถ้าไม่ใช้ช่วงไฮซีซันก็จะมีเข้ามาพอประมาณ และที่ผ่านมาก็จะมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพราะต่างชาติเองมองว่าประเทศเรามีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะ โดยเฉพาะที่ภูเก็ตจะเป็นที่ยอดนิยมอีกสถานที่หนึ่งของนักท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้” นฉัตรบอก
ในอนาคต “นฉัตร” มีความฝันว่า อยากจะอยู่แวดวงการบันเทิงต่อไปถ้าผู้ใหญ่ให้โอกาสก็จะทำให้เต็มที่ และตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด และสิ่งที่อยากทำมากที่สุดคือการเดินแบบ เพราะจากการที่เราเป็นคนตัวสูงและการเดินเป็นสิ่งที่เราถนัดและสามารถทำได้ด้วยดีก็อยากที่จะทำอาชีพนางแบบให้ประสบความสำเร็จ ขณะเดียวกันถ้าได้เล่นละครก็จะเป็นการพัฒนาฝีมือให้เราโตขึ้นไปด้วย เพราะทุกอย่างในวงการบันเทิงสำหรับเราก็ยังใหม่อยู่ทุกด้านก็อยากที่จะลองทำในทุกๆ ด้าน
ขณะเดียวกัน ในส่วนของธุรกิจ “นฉัตร” อยากจะเปิดกิจการร้านอาหารสักร้านเป็นร้านเล็กๆ ที่บ้าน เพราะเป็นคนชอบทาน โดยเฉพาะน้ำซุป แต่คิดว่าถ้าเปิดจริงๆ น่าจะเป็นร้านอาหารที่มีความหลากหลายเมนู ที่รองรับกลุ่มลูกค้าได้ หรืออาจจะเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวก็น่าสนใจอยู่เหมือนกัน
สำหรับวันว่างในการทำงานและจากการเรียนแล้ว “นฉัตร” จะชอบออกกำลังกายมาก หรือไม่ก็จะหนังสือยู่กับบ้าน และช่วยคุณแม่ดูแลบังกะโล ที่จังหวัดภูเก็ต และในอดีต “นฉัตร” ยังเป็นนักคาราเต้ทีมชาติมาก่อน เมื่อก่อนจะเป็นผู้หญิงห้าว ต้องแข่งขัน มีการชกต่อย ซึ่งเป็นกีฬาหนึ่งที่ชื่นชอบมาก
“นฉัตรเคยเป็นนักกีฬาคาราเต้มาก่อน เมื่อก่อนจะเป็นผู้หญิงห้าว แต่ก็คิดว่าผู้หญิงต้องมีหลายบุคลิก เพราะแต่ละบุคลิกจะช่วยเราได้ เช่น ความเข้มแข็งก็ช่วยให้เราสามารถต่อสู้ แข่งขันกับคนอื่นได้ ส่วนความอ่อนหวานก็เรื่องของการเข้ากับคนอื่น ก็ช่วยได้เยอะและทำให้เรามีความอ่อนน้อมในตัวด้วย” นฉัตรบอก
สุดท้าย “นฉัตร” บอกว่า เราควรใช้สิ่งของที่มีอยู่ให้มีค่ามากที่สุดกับเงินที่เราเสียไป ของที่แพงในบางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องแพงเสมอ ของแบรนด์เนมบางครั้งก็ไม่ใช่ว่าจะดูดีเสมอไป ค่าของสิ่งของมันอยู่ที่จิดใจมากกว่า เพราะในบางครั้งของที่มีราคาไม่แพงแต่สามารถใช้ประโยชน์มากกว่าก็มีให้เห็นตามท้องตลาด เช่น ถ้าเราอยากได้กางเกงสักตัวในราคาที่ไม่แพงใส่แล้วสวยก็มีให้เราได้เลือกสรรเช่นกัน
ชื่อ - นามสกุล นฉัตร วัลเณซ่า เมืองโคตร (วัล)
วันเดือนปีเกิด 17 กรกฎาคม 2534
การศึกษา กำลังศึกษาชั้น ปีที่ 2 คณะมนุษย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ผลงานปัจจุบัน Miss Thailand World 2012